ความสุขสงบ...คุณเคยพบหรือยัง ??

ความสุขสงบ...คุณเคยพบหรือยัง ??


.....ขอให้รู้ไว้ด้วยเถิด ว่าแม้ในระดับปุถุชนคนธรรมดา
ก็ยังสามารถที่มีความสุขสูงสุดคือ....'จิตใจหยุดจากความ
ปรุงแต่งทางโลภะ โทสะ โมหะ'...เราไปหาอะไรมาแวดล้อมมัน
เสียให้มันเป็นไปในทางอื่น....

เช่นว่าไปพักผ่อนหย่อนใจ ไปตากอากาศบนภูเขา กลางทะเล
ริมทะเล อะไรที่ไหนก็ตาม ที่ไปแล้วมันลืมลืมไอ้เรื่องยุ่งๆที่บ้าน
เรือน แล้วก็มีจิตว่าง ว่างไปอย่างทะเลอย่างอากาศ อย่างนั้น
ก็ได้พักหนึ่ง มันก็ยังดี มันใกล้ๆใกล้ๆไม่ใช่แท้จริง ไม่ถึงที่สุด
แต่มันก็ใกล้ๆ พอจะทำให้รู้จักได้ว่า...

ถ้าจิตมันว่างไม่ถูกอะไรรบกวน แล้วมันสบายอย่างไร....เพราะ
ฉะนั้น การไปเที่ยวตากอากาศพักผ่อน ยอดภูเขาทะเลที่ไหนก็
มีผู้กระทำกันอยู่....

แต่เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนเสียแล้ว เปลี่ยนเสียแล้ว มันไม่เหมือน
แต่โบราณ ถ้าไปที่นั่นมันก็จะว่างอย่างนั้นจริงเหมือนกัน แต่เดี๋ยว
นี้โลกมันเปลี่ยนเสียแล้ว.....มันเป็นโลกของคนมีกิเลส มันเอา
กามารมณ์ไปคอยขายตามภูเขาบ้าง ตามริมทะเลเต็มไปหมด
หาที่ว่างอย่างตามธรรมชาติไม่ได้....มันเป็นเสียอย่างนั้น นี่มนุษย์
มันโง่ลง หรือว่าฉลาดขึ้น ขอให้ดูเอาเอง มันจะทำให้โลกนี้ไม่มีที่
ว่างจากกิเลสเสียเลย ลำบากหน่อย....

แต่เอาเถอะ ถึงอย่างไรก็ดี ดูลิง ดูแมว แมวบางเวลามันนิ่ง สงบ
เงียบ เหมือนกับหลับแต่มันไม่ได้หลับ ลิงมันโงกหลับ นิ่งอยู่ บาง
เวลาลิงมันโงกหลับอยู่ มันได้รับการพักผ่อนแบบนี้ วิธีนี้...

นี่เรียกว่า...เราอาจจะจัด หาเอาตามมีตามเกิด ที่ๆไปพักผ่อนแล้ว
เกิดความว่าง เกิดความสงบเย็นตามธรรมชาติ อย่าไปใช้ยาหลอน
ประสาทหรือกัญชาช่วยนะ มันไม่ถูกนะ มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันนะ
อย่าไปเอามันเลย....

ไปศึกษาเรื่อง..."อนัตตา" เรื่อง..."สุญญตา" ที่ตรงใหนให้แรงๆ
ศึกษาให้แรงๆ ก็มีผลเหมือนกัน....กิเลสจะไม่รบกวนพักหนึ่ง
ตอนนั้นล่ะจะได้รับความว่าง....แม้เป็นการศึกษา ไม่ใช่บรรลุมรรคผล
หรอกการศึกษาจากตัวหนังสือจากอะไรก็ได้ ศึกษาให้แรงเรื่องของ
"อนัตตา"....ในเรื่อง.."สุญญตา" ..."อตัมมยตา"....ก็ยังพอให้จิตนี้
ว่าง เย็น สงบ บริสุทธิ์ สะอาด ได้สักงีบหนึ่ง พอจะรู้จักได้นี่ก็ยังดี
แต่ว่าคนบริโภคกามจะเอากามมาใช้เป็นเครื่องกลบเกลื่อนนี้ มันก็ได้
เพียงความกลบเกลื่อน แล้วเป็นเรื่องของคนที่มีกิเลส เอามาใช้ไม่ได้
หรอกนะ....

แต่ถึงอย่างไรก็ดี ข้อความในพระคัมภีร์มีปรากฎชัดนะใน...พรหมชาล-
สูตร ทีฆนิกาย ว่า ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งก็มีคนพวกหนึ่งเอากามารมณ์เป็น
นิพพาน....มีคนเคยถือเอากามารมณ์ พอใจสูงสุดเป็นนิพพานก็มี....
ต่อมา...ไม่เอาๆ เอาฒาณเอาสมาธิสมาบัติเป็นนิพพานก็มี ต่อมา...ไม่
เอาๆ พระพุทธเจ้าเกิดขึ้น.....เอาความสิ้นกิเลสโดยประการทั้งปวงเป็น
นิพพาน...นี่เรื่องมันก็จบ...

แต่แม้ว่ากามารมณ์จะให้ความพอใจอย่างไร ก็จะจัดเป็นความเป็นสุขสูง
สุดในความหมายนี้ไม่ได้ๆๆ มันเป็นเรื่องกลบเกลื่อน เป็นเรื่องหลอกลวง
เป็นเรื่องไม่สะอาด เป็นเรื่องสกปรก...ใช้ไม่ได้

สรุปความกันเสียทีหนึ่งก่อนว่า....ในขั้นต้นที่สุด มันเป็นเรื่องของสัตว์
ธรรมดาสามัญ ยังเป็นปุถุชน ปุถุชนสามัญนี่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ชิมรส
ของความสุขสงบสูงสุดแท้จริงได้ สักจิบหนึ่งก็ได่....เหมือนกับคนที่ไม่มี
สตางค์ไปซื้อของแพง แพงที่สุดมาจิบดูสักจิบหนึ่งก็ได้ ก็พอรู้ว่ามันเป็น
อย่างไร....

นี่คนธรรมดาสามัญ เป็นปุถุชนอยู่บ้านอยู่เรือนแท้ๆ ถ้าจัดให้ดีปรับปรุง
ให้ดี ก็จะพบบางเวลา สักแวบหนึ่งสองแวบ งีบหนึ่งสองงีบ อยู่ด้วย
ความสงบเย็ย นี่เป็นสุขสูงสุดอย่างแท้จริงอย่างนี้ก็ได้....

ฉะนั้น...อย่าละโอกาสเสีย ไหว้พระสวดมนต์เสร็จแล้ว คอยระวังสำรวม
กำหนดให้ดีว่า จิตสงบๆๆๆ ทำให้สงบ ทำให้ว่างๆๆ ทำให้หยุดการปรุง
แต่ง......จนกระทั่งว่ามันฟลุ้ค....บังเอิญ เกิดไม่ต้องการอะไรไม่หวังอะไร
ไม่กลัวอะไรขึ้นมา ก็มีความสงบเย็นทำนองนี้ได้....ฯ

~ธรรมโอวาท...ท่านพุทธทาสภิกขุ~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์