จะมัวริษยากันไปใย
อรติ โลกนาสิกา
ความริษยา
ทำให้โลกฉิบหาย
ความริษยา คือ การเห็นเขาได้ดีแล้วทนไม่ได้ คำว่าทนไม่ได้ หมายถึง ใจเรารับไม่ได้ เช่น เห็นเขาสอบได้ตำแหน่งดี ได้เลื่อนยศสูงขึ้น เห็นเขาไปเมืองนอกเมืองนา หรือได้ยินเขาสรรเสริญความดีของคนอื่น ให้รู้สึกกระสับกระส่าย จิตใจไม่มีความสุขเหมืนจับไข้
ความริษยามี ๓ ขั้น คือ
อย่างเบา เป็นเพียงความไม่สบายใจที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง คนอื่นเขาได้ดี ความริษยาระดับนี้เป็นกันทุกคน มากน้อยนั้นเรื่องหนึ่ง
อย่างกลาง เป็นความรู้สึกที่ทนรับรู้ความดีของคนอื่นไม่ได้ จะแสดงอาการออกมาทันทีเหมือนคนตาแดง ทันทีที่กระทบแสงตะวันจะทนไม่ได้ ต้องเบือนหน้าหลบแสงทันที คนที่มีริษยาระดับนี้มีส่วนดีอยู่บ้างตรงที่ว่า ถึงไม่ชอบเขาก็อยู่เฉยๆ ไม่หาทางขัดขวางตัดรอน
ความริษยาอย่างแรงนั้น คิดจะทำลายเขาอย่างเดียว ทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ จะอกแตกตาย ดุจอาการไข้ที่กำเริบหนักแล้วไม่นำส่งโรงพยาบาล หรือส่งไม่ทันอาจเสียชีวิตได้
คนริษยาคนอื่นเป็นคนมีกรรม หาความสุขใจไม่ได้เพราะใจเขา "แสลงต่อความดีงามของคนทั้งโลก" เมื่อคนทั้งหลายเขาพยายามสร้างคุณงามความดีแก่ตนและแก่สังคม มากบ้างน้อยบ้างตามความสามารถ คนขี้อิจฉาก็จะทนรับรู้ไม่ได้จิตใจจะมีแต่ความทุกข์ กองทุกข์มหึมาจะประดังเข้ามาทับถมจิตใจเขา ผ่านทางหนังสือพิมพ์ ผ่านวิทยุโทรทัศน์ ผ่านคำพูดของคนอื่น
ทุกครั้งที่ได้เห็น ได้ยินว่าคนอื่นๆ เขาประสบความสำเร็จในการเรียน ในหน้าที่การงาน เป็นต้น เรื่องราวและภาพนั้นๆ จะเป็นภูตผีปีศาจ ที่คอยหลอกหลอน หรือหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงใจให้ปวดร้าวทรมาน น่าสงสารอะไรเช่นนั้น
สุนัขบ้านั้นน่าสงสารและน่ากลัว น่าสงสารที่มันจะถูกพิษบ้าทำลายจนตายอย่างอนาถ และน่ากลัวที่มันพบใครจะกัดดะ แพร่พิษบ้าให้คนจำนวนมาก คนขี้อิจฉาริษยาย่อมทำลายความสุขของตัวเอง และเป็นพิษเป็นภัยแก่สังคมยิ่งกว่าสุนัขบ้าหลายร้อยหลายพันเท่า
อย่ามัวแต่ริษยากันอยู่เลย มาช่วยกันสร้างสรรค์ความดีและสนับสนุนคนดีกันเถิดแล้วโลกจะบรรเจิดสดใส
ที่มา : หนังสือจุดประกายชีวิต - เสฐียรพงษ์ วรรณปก