ปกติภาพ-ปกติสุข
ศีล....คือ "ปกติภาพ"
ความสุขเกิดจากผู้มีศีล.....คือ "ปกติสุข"
ศีล คือ ปกติภาพ...กล่าวคือความเป็นปกติของคน
เหตุเพราะโดยปกติคนเราก็ไม่ได้ฆ่าใคร ไม่ลักขโมยของใคร จนถึง
ดื่มน้ำเมาก็ยังไม่เป็น ต่อเมื่อเกิด...'โลภ' อยากได้ขึ้นมา บันดาล..'โทสะ'
ขึ้นมา มัวเมา..'หลง' ไหลขึ้นมา จนกระทั่งยับยั้งชั่งใจไม่ได้
จึงกระทำลงไป บางอย่างก็ต้องหัดเช่น การดื่มสุราเมรัย
เมื่อจิตใจยังเป็นปกติอยู่ ยังไม่โลภ-โกรธ-หลง หรือเมื่อโลภ-โกรธ-หลง
สงบลงแล้ว ก็ไม่มีใครทำลงไปได้ ฉะนั้น...'ศีล' จึงเป็นตัวปกติภาพของคน
โดยแท้จริง แต่คนโดยมากมักควบคุมตนเองไว้ไม่ได้ ยั้งใจไว้ไม่อยู่ จึงรักษา
ปกติภาพของตนไว้ไม่ได้...
พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติ...'ศีล' เป็นขอบเขตของความประพฤติไว้ เพื่อ
ช่วยให้คนรักษาปกติภาพของตนไว้นั่นเอง ส่วนที่ต้องรับจากพระนั้น ก็เป็น
เพียงวิธีชักนำอย่างหนึ่ง เพราะโดยตรงศีลนั้นต้องรับจากใจของตนเอง
คือใจของตนเองต้องเกิด...'วิรัติทั้ง 3'ข้อใดข้อหนึ่งนั้น จึงจะเกิดเป็นศีล
ซึ่งวิรัติทั้ง 3 มีดังนี้คือ
1. 'สัมปัตตวิรัติ' ความงดเว้นได้ในทันทีที่เผชิญหน้ากับวัตถุ
2. 'สมาทานวิรัติ' ความเว้นได้ด้วยตั้งใจถือศีลไว้
3. 'สมุจเฉทวิรัติ' ความเว้นได้เด็ดขาดทีเดียว
เมื่อใจมีวิรัติขึ้น ก็มีศีลขึ้นทันที คำว่า...'ใจมีวิรัติ' มิได้หมายความว่าต้อง
คิดว่าเราจะเว้นๆอยู่ทุกวินาที แต่หมายความว่า...'คิดตั้งใจไว้'..จะรับจาก
พระมาตั้งใจไว้ก็ได้ จะตั้งใจด้วยตนเองก็ได้ ในเวลาไหนก็ได้ เมื่อคิดตั้งใจ
ไว้แล้ว จะทำพูดคิดอะไรที่ไม่ผิดข้อห้ามที่ให้เว้นนั้นแล้วก็ได้ทั้งนั้น และจะตื่น
อยู่หรือหลับอยู่ ...'ศีล'ก็มีอยู่ทุกเวลา
ส่วนที่ว่า เป็นข้อห้ามที่ผิดปกติวิสัยนั้น เป็นการกล่าวที่ผิดเพราะศีลเป็นข้อห้าม
เพื่อรักษาปกติภาพของคนดังกล่าวเบื้องต้นมาแล้ว จึงถูกต้องกับปกติวิสัย
อย่างที่สุด ถ้าจะแย้งว่าคนปุถุชนทั่วไปทุกคนก็ล้วนมีโลภ-โกรธ-หลงอยู่ด้วย
กันทั้งสิ้น จึงไม่อาจปฏิบัติได้ ข้อแย้งนี้ถ้าไตร่ตรองคิดพิจารณาดูให้ดีๆ ก็จะเห็น
ว่าแย้งไม่ถูก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ..'ศีล'ก็เพื่อให้คนปุถุชนนี้แหละรักษา
ถ้าไม่มีคนปุถุชนสามัญดังกล่าวแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องทรงบัญญัติศีลข้อ
ไหนๆขึ้นเลย และเมื่อใครอยากได้ขึ้นมา โกรธขึ้นมา ก็ทำร้ายเขา ลักของ
เขา เป็นต้นจะอยู่กันได้อย่างไร ?
เช่นนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติ...'ศีล'ขึ้นไว้ควบคุมความประพฤติของคน
ให้อยู่ในขอบเขตที่ดี มิให้เบียดเบียนกันให้เดือดร้อน เป็นการคุ้มครองปกติ
ภาพของทุกๆคน เพื่อได้อยู่ด้วยกันเป็นปกติสุข เมื่อคนรักษาศีลตลอดไปถึง
สัตว์ดิรัจฉาน คือเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตลอดถึงในสัตว์ดิรัจฉาน ก็ชื่อ
ว่าได้แผ่ความปกติสุข ให้กว้างออกไปถึงในสัตว์ดิรัจฉานทั่วไปด้วย เรียกว่า
เป็นการให้อภัยทานแก่สัตว์ทั่วไป ฉันใดก็ฉันนั้นค่ะ...ฯ
~ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์~