ไฟยิ่งกว่าไฟ... บนเส้นทางสายบาป
ไฟยิ่งกว่าไฟ... บนเส้นทางสายบาป
โลกหมุนไป
คนเกิด-ตายมีอยู่ทุกวัน
โลกนี้ มีผู้มาก่อน และผู้มาใหม่
เจริญรอยตามกัน เป็นสายธารของสรรพสัตว์
วนเวียน เวียนว่ายในวัฏฏะ
มิมีว่างเว้น...
เกิด-ดับ มีอยู่คู่โลก
เช่นเดียวกับสุข-ทุกข์ / บาป-บุญ
โลกนี้มีทั้งผู้มัวเมาลุ่มหลงและผู้หลุดพ้น
...........................
ค่ำคืนหนึ่ง มีสำเนียงเสียงส่งมาบอกเล่าเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิต
เรื่องราวนั้นชวนให้ตกอกตกใจไม่น้อย ด้วยว่าเคยผ่านประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน
คำบอกเล่าบ่งบอกว่ากำลังหย่อนขาข้างหนึ่งแตะลงบน ‘เส้นทางสายบาป’
และเหมือนว่า ถนนสายนั้นช่างเย้ายวนชวนหลงใหลให้เดินเล่นเสียเหลือเกิน
เรื่องราวนั้นทำให้เห็นถึงตัวกิเลสชัดเจนกระจ่างชัด
กิเลสตัวที่ร้ายแรง กิเลสที่จ้องทำลายมนุษย์ โดยอาศัยเอามนุษย์ผู้รู้ไม่ทันหลงไปกับมัน
เมื่อพิจารณาเห็นกิเลสตัวนั้น ได้แต่สะท้อนสะท้านใจ ระคนหดหู่เศร้าหมองไปกับชะตากรรมของสัตว์โลกที่กำลังถูกกิเลสยื้อยุดเอา
สะเทือนใจเหมือนกำลังนั่งมองเสือร้ายกำลังลากเนื้อผู้น่าสงสารไป
ให้รู้สึกเวทนาในความเป็นไปของโลกที่เต็มไปด้วยกิเลสครอบงำ
ไม่รู้จะทำอะไรได้ นอกจากภาวนาอย่าให้ชะตากรรมนำพาเจ้าของเสียงนั้นเตลิดหลงไปมากกว่านี้จึงเขียนบทเตือนใจขึ้นมาเพื่อเตือนใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป
แต่ก็เข้าใจ อะไรก็มิอาจห้ามหรือฉุดรั้งได้ เมื่อกิเลสมันได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว
เหตุการณ์หลังจากนั้นคงได้แต่ปลงสังเวชกับเพื่อนมนุษย์ผู้น่าสงสาร...
โปรดน้อมนำไปขบคิด พิจารณาให้ดีก่อนที่จะสาย...
ขอบคุณบทความจาก ลานธรรมจักร