สามัคคีก่อให้เกิดสุข
ในบรรดาคำอันเป็นสุภาษิตทั้งหลาย มีอยู่หนึ่งซึ่งอาจถือเป็น
ประโยชน์ได้ทุกกาลสมัย แก่ทุกคนไม่ว่าจะที่รวมกันเป็นส่วนน้อย
หรือส่วนใหญ่ อันคำสุภาษิตนั้นคือ...."สามัคคีก่อให้เกิดสุข"...
สามัคคีก่อให้เกิดสุข ลองย้ำประโยคนี้ดูให้หนักแน่นกว่าปกติสัก
หน่อย พร้อมกับพิจารณาให้ลึกซึ้งสักนิด ไม่สักแต่ว่าปล่อยให้ผ่าน
หูผ่านใจไปง่ายๆ ทุกคนก็น่าจะได้ความรู้สึกว่าสามัคคีก่อให้เกิด
สุขจริงๆ เมื่อสามัคคีก่อให้เกิดสุขแล้ว ทุกข์ก็ย่อมเกิดจากไม่สามัคคี
นั่นเอง
สามัคคีก่อให้เกิดสุขได้จริงอย่างไร อาจคิดให้เห็นได้ทุกคนตามระดับ
แห่งวัยและความรู้ของตน ที่ไม่เห็นคุณของสามัคคี ไม่เห็นว่สสามัคคี
ก่อให้เกิดสุขนั้น เป็นเพราะไม่ได้คิดกันให้เห็น จึงน่าจะพยายามคิดกัน
ดู คิดได้ลึกซึ้งเพียงใดก็จะเห็นคุณสามัคคีถนัดชัดเจนแก่จิตใจเพียงนั้น
จะเกิดความเข้มแข็งที่จะก่อให้เกิดสามัคคีขึ้นในหมู่คณะของตน ใน
ประเทศชาติของตน ทั้งนี้ก็เพราะทุกคนต่างก็ปรารถนาความสุขด้วย
กันทั้งนั้น เกิดขึ้นกว้างขวางเพียงไร มั่นคงเพียงไร ความสุขก็จะยิ่งใหญ่
และมั่นคงเพียงนั้น เสมือนเงาตามตัว
แต่คำว่าสามัคคีนั้นต้องใช้กับคนตั้งแต่สองคนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย มิได้
ใช้ได้แต่กับคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว ดังนั้น สามัคคีที่เกิดขึ้นได้จึงต้อง
ประกอบด้วยจิตใจของคน อย่างน้อยสองคนขึ้นไปและอย่างมากก็เป็นหมู่
คณะประเทศชาติ จิตใจของคนแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เห็นดีเห็นชอบ
ไม่ตรงกัน สามัคคีจะเกิดได้จึงจำเป็นต้องอาศัยความเสียสละของแต่ละ
คน ทุกคน คนละมากบ้าง คนละน้อยบ้าง เพื่อให้ความคิดเห็นของตนโอน
อ่อนเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้โดยพร้อมเพรียงกัน คือเสียสละความ
ไม่เห็นด้วยของตนแต่ละคนให้เข้าสู่ระดับที่จะอาจกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอัน
เดียวกันได้ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเกิดขึ้นจุดใด จุดนั้นคือจุดแห่ง
ความสามัคคี จุดที่จะก่อให้เกิดสุขดังกล่าวนั่นเอง
เมื่อจิตใจปรับระดับเข้าสามัคคีกันได้ ไม่แบ่งแยกจากกันด้วยความคิด
เห็นว่า เขาเป็นอย่างนั้น เราเป็นอย่างนี้ เขาไม่ถูก เราถูก หน้าที่ของเขา
ไม่ใช่หน้าที่ของเรา...ฯลฯ อะไรทำนองนี้ สามัคคีทางกายหรือทางการ
กระทำก็จักเกิดตามมา ความสุขอันเกิดจากความสามัคคีก็จักตามมา
เช่นกัน อย่างน้อยก็เป็นความสุขที่เกิดจากความสำเร็จ อันความสำเร็จ
ทั้งหลายย่อมจักไม่เกิดหากขาดเสียซึ่งสามัคคี ความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว
ในขั้นหนึ่งย่อมจักล้มเหลวไปได้ แม้ความสามัคคีไม่มีอยู่ในการดำเนิน
ขั้นต่อไป ผู้ที่เคยผ่านการทำงานมาแล้วย่อมเข้าใจในเรื่องนี้ แต่หากขาด
สติก็ย่อมจะทำให้ลืมนึกถึงความสำคัญของสามัคคีไปได้ ดังนั้น ความ
มีสติไม่ลืมนึกถึงความสำคัญของสามัคคีจึงเป็นสิ่งที่ผู้ปรารถนาความสุข
ความสำเร็จทั้งนั้นจะพึงอบรมให้มีอยู่ประจำตน
แต่ดังกล่าวแล้ว คนแม้เพียงสองคน จิตใจก็ยังแตกต่างกันเป็นสองอย่าง
คนมากคนเพียงใด จิตใจก็ยิ่งแตกต่างกันออกไปมากอย่างเพียงนั้น
สามัคคีจะเกิดได้จึงต้องมีการเสียสละความคิดเห็นของตนเสียโดยควร
มุ่งให้จิตใจสามารถปรับระดับเข้ากันได้จนเกิดเป็นความสามัคคีดังได้
กล่าวในการนี้ การใช้ขันติและการให้อภัยเป็นสิ่งขาดเสียไม่ได้ จำเป็น
ต้องมีด้วยกันทุกคน ไม่เช่นนั้นก็จะดำเนินไปจนถึงจุดมุ่งหมายไม่ได้ จะ
ต้องแตกสามัคคีกันเสียก่อน ผลก็จะเป็นความทุกข์นั่นเอง
เมื่อพิจารณาดูการปฏิบัติเพื่อให้เกิดสามัคคีแล้วเห็นว่าเป็นสิ่งทำได้ยาก
หมู่คณะใด ประเทศชาติใด ทำได้เมื่อใด เมื่อนั้นหมู่คณะนั้น ประเทศชาติ
นั้น ย่อมได้รับความสุขอันจักเกิดจากความสำเร็จประโยชน์ที่มุ่งหมาย
แม้การปฏิบัติเพื่อให้เกิดสามัคคีจะเป็นสิ่งทำได้ยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่อาจทำ
ได้ในหมู่คณะประเทศชาติที่ประกอบด้วยบุคคลผู้มีปัญญา มีความไม่เห็น
แก่ตัวยิ่งกว่าเห็นประโยชน์สุขของหมู่คณะและประเทศชาติ การมีสติ
นึกถึงผลดีผลเสียของหมู่คณะประเทศชาติอยู่ทุกเวลา ไม่หลงลืมเสีย
นั่นแหละจักเป็นการนำให้สามารถปฏิบัติเพื่อให้เกิดสามัคคีได้ และ
สามัคคีจักก่อให้เกิดสุขได้จริง...ฯ
~สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก~
ขอความสุขความเจริญในกุศลธรรมจงมีแด่ญาติธรรมทุกๆท่านค่ะ...ฯ