รุนแรงเพราะรัก
พฤติกรรมการแสดงความรักแบบตบจูบของคุณปุริมในละครน้ำผึ้งขม เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ตอกย้ำให้เราเห็นถึงความรุนแรงในชีวิต อันเกิดขึ้นจากความรัก พร้อมๆ กับการกระตุกต่อม "เอ๊ะ" ในใจของฉัน
จริงหรือ...เพราะรักจึงรุนแรง
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาฉันได้ค้นพบคำตอบจากการบรรยายธรรมของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ณ เสถียรธรรมสถาน ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามนำเสนอทางออกเพื่อยุติปัญหาความรุนแรงในสตรีผ่านกิจกรรมมากมายตลอดเดือนพ.ย.นี้
โดยเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ มากมาย ทั้งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และกระทรวงวัฒนธรรม
โดยวันนั้นพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้สลายต่อมเอ๊ะของฉันจนกระจ่าง ผ่านคำอธิบายและแนวทางการปฏิบัติที่อ้างอิงมาจากบุคคลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดคนหนึ่งในโลก นั่นคือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ความรักเป็นสาเหตุหนึ่งให้เกิดความรุนแรง เพราะเมื่อมีใครคนอื่นเป็นบุคคลที่สามมาแสดงความเห็นต่อคนที่เรารัก เราจะเกิดทั้งความรักหรือความเกลียดต่อเขาคนนั้นได้เสมอ ถ้าเขาคนนั้นรักคนที่เรารัก เราก็มักจะรักเขาด้วย แต่ถ้าเขาเกลียดคนที่เรารักเมื่อไหร่ แม้เขากับเราจะไม่เคยทำอะไรร้ายแรงต่อกัน แต่ความเกลียดชังจะบังเกิดขึ้นในหัวใจเราได้ทันที เมื่อคุณบังอาจมาแตะต้องคนที่ฉันรัก
ความรัก ความเกลียด หรือความชอบ ความชัง จึงเป็นอารมณ์สามัญที่มนุษย์ทุกคนวนเวียนอยู่กับมันทุกวี่วันด้วยการเพลิน จนจิตใจปราศจากความสามารถในการเข้าถึงสัจจะความจริงของโลกที่ว่า...ทั้งชอบทั้งชัง เป็นอนิจจังทั้งคู่
การเพลิดเพลินอยู่กับความรู้สึกชอบชังนี้ ยังเป็นเหตุแห่งความสับสนวุ่นวายและการทะเลาะเบาะแว้งของสรรพชีวิตทั้งในโลกมนุษย์ สวรรค์ และนรก
รวมความคือทั้งเทพ เทวดา พรหม มาร นาค ยักษ์ อสูร ล้วนยังมีการใช้ความรุนแรงในรูปแบบของการทะเลาะเบาะแว้งกันเช่นเดียวกับมนุษย์บนโลก
โดยมีความอิจฉาและความตระหนี่เป็นเหตุ และการมีสิ่งอันเป็นที่รักและสิ่งอันไม่เป็นที่รัก หรือชอบและชังเป็นเหตุของเหตุอีกทอดหนึ่ง และเพราะคนจำนวนมากยังละวางทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้ ความสับสนวุ่นวายและการทะเลาะเบาะแว้งจนกลายเป็นความรุนแรงจึงเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เกิดเป็นอกุศลที่ทำให้เกิดทั้งการยึดติดในกาม พยาบาท และเบียดเบียน ซึ่งหากเกิดขึ้นในสังคมใด สังคมนั้นจะสูญสิ้นความสมัครสมานสามัคคี
พระพุทธองค์จึงทรงย้ำให้เราทุกคนละความพอใจและความไม่พอใจออกเสีย โดยใช้สติและลมหายใจ
เพราะสติเท่านั้นที่จะเป็นเพื่อนเตือนเรา โดยมีลมหายใจเป็นเครื่องมือปลดใจเราออกจากอกุศล สลัดออกจากความเพลิน ดีใจก็อย่าเพลิน เสียใจก็อย่าเพลิน
รักษาจิตให้อยู่กับปัจจุบันด้วยความรู้สึกเฉยๆ ให้มากที่สุด เพื่อตัดต้นเหตุแห่งการปรุงแต่งของจิต อันเป็นเหตุแห่งความรุนแรงที่มีเหตุปัจจัยอาศัยกันและกันเกิดขึ้นหลายทอดหลายชั้น
เริ่มจากการเกิดแห่งความรู้สึกต่างๆ ที่เรียกว่าเวทนา กลายเป็นการเกิดขึ้นของความอยากหรือตัณหา กลายเป็นการแสวงหา เกิดเป็นการได้ และความปลงใจรัก ซึ่งเป็นเชื้อในการสร้างความกำหนัดด้วยความพอใจ ก่อเกิดเป็นความสงบมัวเมา จับอกจับใจ ตระหนี่ หวงกั้น กระทั่งเกิดเรื่องราวมากมายจากความหวงกั้นนั้น
การฝึกฝนเพื่อละออกจากอารมณ์ชอบและชัง จึงเป็นการฝึกคลายใจออก ทั้งจากความรักและความเกลียดชัง โดยใช้กุศโลบายสำคัญคือการทำงานช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อพอกพูนความเมตตา อันเป็นการยกระดับความรักในจิต ซึ่งเป็นคุณธรรมสำคัญที่ทำให้จิตใจเปิดกว้างพร้อมแก่การปรับเปลี่ยนและการให้อภัย
คุณสมบัติที่ประชาชนชาวไทยขาดหายไปมากในช่วงนี้
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ยังได้ตอกย้ำถึงต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สังคมไทยเกิดความขัดแย้งว่า เพราะเรากำลังขาดสิ่งยึดเหนี่ยวในใจร่วมกัน ทุกวันนี้แต่ละคนจึงหันไปยึดในปรัชญา ความคิด หรือตัวบุคคล ซึ่งไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจได้ เพราะขาดความบริสุทธิ์ที่แท้ด้วยมีแต่กิเลส
ท่านจึงขอเสนอให้เราชาวพุทธกลับมามีพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในใจร่วมกัน
การกลับมาศึกษาคำสอนโดยตรง หรือคำสอนจากพระโอษฐ์ของพระองค์ จึงเป็นการนำเสนอทางออกของสังคมไทยวันนี้ ที่เริ่มต้นจากความวุ่นวายในใจและไหลออกเป็นความแตกแยกทั่วประเทศ
ปรับใจให้มีที่ยึดเดียวกัน เพื่อเริ่มสร้างสามัคคีธรรมให้กับคนในชาติ ลดละความเห็นเฉพาะของตัว หรือความเห็นแก่ตัวลงบ้าง เปิดใจกว้างเพราะการได้ทำอะไรเพื่อผู้อื่น จนเป็นความสุขที่ได้จากการตามใจผู้อื่น เพื่อสลัดความดื้อรั้นจากการเอาแต่ใจตัวเอง
ความรักความเมตตาจึงเกิดขึ้น เป็นเหตุแห่งการให้อภัยกันได้เสียทีในหัวใจของคนไทยทั้งชาติเพราะถ้าทำไม่ได้เยี่ยงนั้น คุณน้องกังสดาลจะกลับมาทนรักคุณปุริมจอมโหด ในละครน้ำผึ้งขมได้หรือ
ที่มา posttoday