ชีวิตที่วิ่งตามความอยาก... ว.วชิรเมธี
ท่ามกลางกระแสแห่ง "ความพอเพียง" อันเชี่ยวกราก ที่ไม่ว่าจะหันไปมุมไหน ก็ได้ยินคำว่าพอเพียงแล่นเข้าหูไปซะทุกด้าน ลองถามตัวคุณเองดูว่า ชีวิตที่พอเพียงของคุณเป็นแบบไหน
และชีวิตที่แท้จริงเป็นเช่นไร บางทีคุณอาจจะพบว่า เส้นทางความพอเพียงที่คุณยึดและปฏิบัติเพื่อให้เข้ากับกระแส เอาเข้าจริงๆ แล้ว อาจไม่ใช่ และเข้าใจอะไรผิดๆ มาตลอด
ลองมาฟังมุมมองของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่าน ว.วชิรเมธีดูบ้าง ว่าแก่นแท้ของชีวิตที่พอเพียง ควรเป็นอย่างไร และครรลองแบบไหนจึงจะเรียกว่าเป็นชีวิตที่พอเพียงอย่างแท้จริง
"ชีวิตที่วิ่งตามความอยาก จะไม่รู้จักคำว่าพอเพียง" ประโยคทองของท่าน ว.วชิรเมธี ที่ให้ข้อคิดเอาไว้
ท่านยังได้ขยายความของคำว่า "พอเพียง" ในความหมายทางโลก คือการรู้จักประมาณในการบริโภค
ในที่นี้คือให้รู้ประเมินศักยภาพของตัวเอง ว่ามีสถานภาพทางการเงินแค่ไหน จะได้ไม่จ่ายเงินเกินหน้าตัก หรือใช้จ่ายเกินตัว ในทางสังคม ก็ต้องประเมินตนเองได้ ไม่ทำอะไรเกินตัว เกินความจริง อาทิเช่น เป็นเลขาฯ ไม่ใช่ทำเกินนาย เป็นรัฐมนตรีก็ไม่ใช่ทำเกินรัฐมนโท ถ้าเกินเมื่อไรก็ไม่รู้จักคำว่าพอเพียง
นอกจากนี้ ท่านว.วชิรเมธีบอกว่า มนุษย์เราต้องบริโภค ปัจจัย 4 อย่างเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ แต่ปัจจุบันคนทั่วไปบริโภคอย่างไม่พอเพียง เรียกว่ามีการบริโภคปัจจัย 4 ที่ผิด
"อาทิเช่น เสื้อผ้าแทนที่จะบริโภคเครื่องนุ่งห่ม ก็กลายเป็นซื้อเสื้อผ้าเพื่อความโก้หรู เพื่อให้ทันสมัย ไม่ให้ตกเทรนด์ หรืออย่างอาหารแทนที่จะบริโภคเพื่อประทังชีวิต แต่กลายเป็นบริโภคเพื่อความอร่อย บริโภคเพื่อให้ดูดีมีรสนิยม ส่วนที่อยู่อาศัยแทนที่จะเป็นที่พักอาศัย แต่บางคนก็ปลูกบ้านหลังละเป็น 100 ล้าน ยาแทนที่จะมีไว้รักษาโรคภัย แต่กลับมีไว้เพื่อเสริมความงาม"
ท่าน ว.วชิรเมธีบอกว่า เมื่อมีการบริโภคที่ผิด โดยเกิดจากคุณค่าเทียม ถึงจะมีเงินเท่าไรก็ไม่พอใช้ ยิ่งถ้าปล่อยให้ความอยากเกิดขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ยังวิ่งตามความอยาก ก็จะไม่รู้จักพอ แต่ถ้าเราดำรงชีพโดยใช้ "ความจำเป็น" เป็นตัวตั้ง เราจะพอ ถ้าเอาความอยากเป็นตัวตั้ง ชีวิตเราจะสะกดความพอเพียงไม่เป็น เป็นแง่คิดที่น่าจะทำให้คนที่พูดคำว่า พอเพียงบ่อยๆ ได้ย้อนดูและสำรวจตัวเองอีกครั้ง ว่าคุณได้สัมผัสความพอเพียงที่แท้จริงแล้วหรือยัง
ขอบคุณทำดีดอทเนต