ฝึกให้รู้ เพื่อไปให้เป็น
การเกิดเป็นทุกข์
การแก่เป็นทุกข์
การเจ็บเป็นทุกข์
การตายเป็นทุกข์
การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจก็เป็นทุกข์
ความไม่สบายใจ ไม่สบายกาย ก็เป็นทุกข์
แม้แต่การประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่ชอบ ไม่เป็นที่พอใจ ก็เป็นทุกข์
........ดังนี้ จึงตระหนักชัดแล้วว่า อุปาทานขันธ์นั่นแหละคือทุกข์แท้จริง
เนื่องด้วย ความทุกข์หลายประการที่กล่าวนี้ เป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกผู้ทุกนาม ไม่ว่า
ผู้นั้นจะมียศ สูงศักดิ์ วิเศษกว่าผู้อื่นใด ๆ ก็ไม่พ้นอุบัติการที่เกิดขึ้นกับผู้นั้นเลย ย่อมไม่ผิดตกยกเว้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพบความจริงของธรรมชาติทั้งปวง ตรัสรู้แจ้งแล้วว่า
ทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นธรรมชาติ มนุษย์ต่างหากที่ต้องเข้าใจในธรรมชาติ มิใช่เป็นผู้ฝืนธรรมชาติ
มิใช่ให้ธรรมชาติตามใจตามความต้องการของใครได้
จิตที่แข็งขืน จิตที่เอาแต่ปฏิเสธิ จิตที่ไม่รู้เท่าทันธรรมชาตินั้น......ย่อมวนเวียนทุกข์เป็นวัฏฏะสังสาร
ทุกข์ซ้ำ ทุกข์ซาก.......จงเบื่อหน่ายความซ้ำซากเสียเถิด
จงเบื่อหน่ายในการเกิด ที่เป็นเหตุแห่ง ความแก่ เจ็บ ตาย ทุกข์เวทนา โศกเศร้า เวียนวนหาจบสิ้นไม่
....การมีชีวิตๆหนึ่ง ขณะดำรงชีวิตจวบจนแก่ชรานั้น ย่อมเห็นผู้คนอันเป็นที่รัก คนใกล้ชิด
ญาติมิตรสนิทตายไปที่ละคน สองคนนั้น เป็นการพลัดพรากจากกันชั่วชีวิต แล้วเราจะต้องร่ำไร รำพัน สักกี่ครั้งหนอ?
....แล้วเมื่อวาระสุดท้ายของตนเองเล่า....เราจะทุกข์เพียงไรที่ต้องพลัดพรากจากลูกหลาน ทรัพย์สมบัติ
ติดรักติดหวงติดห่วง.......เราย่อมมิได้จากไปอย่างมีความสุขสงบได้เลยหรือ?
สุคติเล่า? หวังได้หรือ ? .. ตราบใดถ้าจิตยังห่วงหาอาลัยอาวรณ์ ทุคติย่อมหวังได้
มนุษย์ทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย
ย่อมไม่มีใครหลีกพ้นสิ่งเหล่านี้ได้เลย ย่อมติดบ่วงที่ตนอุปาทานนั้นเอง
พระพุทธองค์ตรัสปัจฉิมว่าจาว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บัดนี้เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"
ความไม่ประมาทคือ...... ฝึกรู้ ฝึกเข้าใจเสียให้จงได้ ให้แจ่มแจ้งว่า...
"สิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลกนี้นั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มิได้อยู่เช่นนั้น เป็นอนิจจัง
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงก็มิใช่ตัวใช่ตนของมัน แม้แต่ขันธ์ 5 ของเรา ก็มิใช่ของเรา
เป็นสิ่งที่ยืมธรรมชาติมาทั้งสิ้น.....เมื่อถึงเวลา ธรรมชาติย่อมเรียกคืน ย่อมกลับไปสู่ธรรมชาติดั่งเดิม
เป็นธาตุดิน เป็นธาตุน้ำ เป็นธาตุลม เป็นธาตุไฟ อย่างที่มันเคยเป็น"
ความไม่ประมาทคือ... ฝึกรู้ ฝึกเข้าใจเสียให้จงได้ ให้แจ่มแจ้งว่า..
ภาราทานัง ทุกขัง โลเก......การแบกถือของหนัก เป็นภาระอันทุกข์ที่สุดในโลก
ภารานิเขปะนัง สุขัง...........การสลัดของหนักทิ้งเสีย ย่อมเป็นสุข
ที่มา : นางสีดา
ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย