อย่ายินดีในความรัก
ความรัก เป็นเพียงสิ่งหลอกตา ให้ใคร่ครวนยินดี แต่เนื้อแท้แล้วความรักนั้นไม่มีอะไรเลย
ขอให้เพื่อนๆร่วมกลุ่มลองสักเกตุให้ดี ใช้โยนิโสมนสิการ คิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบดู
แล้วท่านจะเห็นตามเนื้อแท้ พระพุทธเจ้าไม่สนับสนุนให้คนมีความรัก ความใคร่ เลย
และท่านในจะเห็น คุณค่าแห่งความรักไปทำไม ดีแต่รังให้ท่านเสียเวลาไปเสียปล่าว
ความรัก ไม่เคยให้ใครประสพความสำเร็จเลยแม้แต่เพียงครึ่ง ไม่มีใครเลยประสพความสำเร็จใจความรัก
ที่ท่านทั้งหลาย คิดว่าตนเองประสพความสำเร็จแล้ว ก็เป็นการหลอกตนเองทั้งสิ้นเพราะถ้าท่าน
หยุดให้ความรักแก่คนที่ท่านต้องการรักนั้น ความรักของท่านก็จะล้มเหลว
แล้ว ท่านกล่าวว่าประสพความสำเร็จได้อย่างไร
เราทั้งหลายถ้าถูกความรักครอบงำแล้ว จะไม่หยุดมอบความรักกับคนที่เราต้องการรักเลย
เพราะเหตุด้วย การเกรงกลัวการมีทุกข์ อันเนื่องมาจากการล้มเหลวในความรัก
ความรักไม่ว่าจะเป็นรักแท้ รักเทียม หรือ มีความบริสุทธิแค่ไหนก็ตาม
สุดท้ายก็จบลงด้วยความพลัดพราก เสมอกัน
ความรักแท้ของพ่อ แม่ ก็จบลง ด้วยการ ตายจากลูก ต้องพลัดพรากจากของที่รักเป็นธรรมดา
ความรักหนุม สาว ก็จบลงด้วย ความพลัดพรากจากกัน บ้างเลิกลากัน บ้างก็ผิดใจกัน
ท่านทั้งหลายครับ การอยู่ร่วมกันของ ชาย หญิงนั้น เปรียบเหมือน กำไรข้อมือ2อัน
ที่ถูกใส่ไว้ข้างเดียวกัน ย่อมมีกระทบ จนเกิดเสีย
แต่ถ้าสันโดดแล้ว ก็เปรียงเหมือน กำไร ที่ถูกให้ไว้อันเดียว ซึ่งไม่มีทางที่จะเกิดเสียงไปได้
เมื่อเราสงบ เราก็จะค้นพบ ว่า สัพเพธรรมมา อนัตตา = ความจริงทั้งหลายไม่มีตัวตน
เราเพียงสมมุติ หลงใหลไปเอง
ผู้มีความรัก เป็นผู้มีทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว เป็นผู้มีบ่วงผูกใจ เป็นผู้ยึดติด เป็นผู้หลงใหลแล้ว
การมีความรัก ทำให้การหลุดพ้นจากการ เกิดอยากขึ้น เพราะ มีบ่วงผูกยึดติดเอาไว้ให้หลงในโลก
สุดท้ายการมีความรัก ไม่ว่ารักแท้ รักเทียม ก็เป็นเหตุให้ เสียเวลาทั้งสิ้น เป็นเหตุให้ทุกข์ทั้งสิ้น
แต่ถ้าจะเลือกมีความรักแล้ว ก็จงอย่ามีความใคร่ คือความ เมตตา นั้นเอง