กินปลาอย่าให้ก้างตำปาก
โลกนี้จะกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ไร้ชีวิตทันทีที่ปราศจากออกซิเจน
กล่าวได้ว่าวิวัฒนาการครั้งสำคัญของโลกเกิดขึ้นเมื่อมีออกซิเจน
เพราะนับแต่นั้นวิวัฒนาการของชีวิตก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
มนุษย์จะกลายเป็น “ผัก” ทันทีที่ขาดจากออกซิเจนเพียง ๕ นาที
และถ้านานกว่านั้นก็ “กลับบ้านเก่า”
กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว เราทุกคนตายเพราะขาดออกซิเจนทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรมาก่อนก็ตาม
ไม่ผิดถ้าจะกล่าวว่าออกซิเจนหมายถึง “ชีวิต”
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ออกซิเจนก็พาเราทุกคนไปสู่ความตาย
เคยสังเกตไหมว่าสัตว์ที่หายใจถี่มักมีอายุสั้น เช่น หนู กระต่าย
ส่วนสัตว์ที่หายใจช้า มักมีอายุยืน เช่น ช้าง เต่า
เดี๋ยวนี้เราพบแล้วว่าออกซิเจนเป็นสาเหตุของความแก่และโรคร้าย
พิษของออกซิเจนเป็นอย่างไร
ก็ดูได้จากเหล็กที่กร่อนเป็นสนิม เมื่อถูกออกซิเจน
นอกจากนั้นในระดับเซลเรายังพบว่า
เมื่อออกซิเจนแตกตัวจากอะตอม
มันจะกลายเป็น “อนุมูลอิสระ”
ซึ่งหลุดเข้าไปทำลายยีนและส่วนอื่นๆ ในเซล
เมื่อสะสมมากเข้าก็ทำให้เกิดสภาพที่เรียกว่า “ความชรา”
หรือหนักกว่านั้นก็คือ เกิดเนื้อร้ายที่เรียกว่ามะเร็ง
สิ่งที่ตามมาคือ “ความตาย”
ใช่หรือไม่ว่า สิ่งที่ให้ชีวิต ก็ให้ความตายด้วยเช่นกัน !
ใช่ว่าชีวิตกับความตายเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน
ยังมีคู่ตรงข้ามอีกหลายคู่ที่อยู่เคียงคู่กัน
อาทิ เช่น สุขกับทุกข์
เคยสังเกตไหมว่าสิ่งที่ให้ความสุขแก่เรา
ก็สามารถทำให้เราทุกข์ได้เช่นกัน
รถยนต์คันใหม่ทำให้เราปลื้มเปรมไปได้ทั้งวัน
แต่ก็ทำให้เราอดกังวลไม่ได้เวลาจอดทิ้งไว้ในที่เปลี่ยว
หรือถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับหากมันถูกขโมยไป
ไม่ว่าลูก หรือ คนรัก
ล้วนนำความสุขอย่างล้นหลามมาให้แก่เรา
แต่ก็สามารถทำให้เราเป็นทุกข์ย่ำแย่ได้
หากเขาไม่เป็นไปตามใจเรา
คนที่ภาคภูมิใจในทรวดทรงของตน
ไม่ช้าไม่นานก็ต้องระทมทุกข์เพราะสิ่งเดียวกัน
ถึงวันนั้นทรวดทรงอาจแปรเปลี่ยนไป
หาไม่มันก็กลายเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายขึ้นมา
ใครที่ปลื้มปีติกับชื่อเสียงของตน
ก็มักเป็นทุกข์เพราะความเด่นดังของตนเช่นกัน
อย่างน้อยเวลาจะควงกับใคร
ก็ต้องระวังว่าจะมีคนเห็นหรือมายุ่มย่าม
สุขกับทุกข์เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน
มันสามารถพลิกกลับไปกลับมาได้
ด้วยเหตุนี้เวลาจะมีความสุขกับอะไรหรือใครก็ตาม
อย่าเพลินกับความสุขจนท่วมท้นใจ
หรือหมดเนื้อหมดตัวไปกับอารมณ์เหล่านั้น
ควรเผื่อใจไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรที่ไม่ถูกใจเรา
วันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามใจหวัง
แต่พรุ่งนี้อาจกลายเป็นตรงกันข้าม
ความแปรเปลี่ยนนั้นเป็นธรรมดาของโลก
อย่าไปมองว่า มันเป็นปัญหา
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ ใจของเราต่างหาก
ที่ไปยึดอยากให้บางอย่างคงที่เหมือนเดิม
หรือเป็นไปตามใจเราเสมอ
ทันทีที่คิดแบบนั้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
ก็เตรียมตัวทุกข์ไว้ได้เลย
เวลาเราเดินไปเตะก้อนหินหรือถูกหนามแทง
อย่าไปโทษก้อนหินหรือหนาม
เขาอยู่ของเขาอย่างนั้นมานานแล้ว
เราต่างหากที่เดินไปเตะหรือแกว่งมือไปถูกเขาเอง
ในทำนองเดียวกัน โลกก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว
คือ มีความแปรเปลี่ยนเป็นธรรมดา
ใจเราต่างหากที่ไปยึดอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจเรา
ถ้ามันไม่เป็นไปตามใจเรา แล้วเราเกิดทุกข์ขึ้นมา
ก็ต้องโทษใจของเราก่อนอื่นใดว่า เป็นสาเหตุแห่งทุกข์
อย่าเพิ่งไปโทษโลก ผู้คน หรือสิ่งต่างๆ ว่า เป็นตัวการ
เราสามารถอยู่ในโลกอย่างมีความสุขได้
หากมีสติไม่หลงเพลินกับความสุขจนลืมตัว
เผื่อใจไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรอยู่เสมอ
ถ้าทำอย่างนี้ได้เรียกว่า มีความสุขอย่างรู้เท่าทัน
ความทุกข์แม้จะแฝงอยู่ในความสุข แต่ก็ทำอะไรเราไม่ได้
เปรียบเสมือนคนที่กินปลาอย่างระมัดระวัง
และรู้จักแยกเนื้อออกจากก้าง
จึงกินปลาได้อย่างอร่อย โดยก้างปลามิอาจตำปากได้
คนที่ทำใจอย่างนี้ได้ ถึงคราวประสบเคราะห์กรรม ก็ไม่เป็นทุกข์
หรือถึงจะทุกข์ก็หลุดได้ในเวลาไม่นาน
เพราะรู้จักแสวงหาความสุขท่ามกลางความทุกข์
อย่าลืมว่า สิ่งที่ทำให้เราทุกข์นั้น
ก็สามารถทำให้เราสุขได้เช่นกัน
ใช่หรือไม่ว่าคนที่ร่ำเรียนอย่างหนัก
หรือทำงานอย่างเหนื่อยยาก
ชีวิตที่ราบรื่นและผาสุกย่อมรออยู่เบื้องหน้า
สารหนูนั้นมีพิษร้าย สามารถฆ่าคนได้
แต่ในเวลาเดียวกันก็สามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้
อาทิ หนองใน ในทำนองเดียวกัน
สารเคมีที่เป็นพิษจำนวนไม่น้อย
ก็ถูกนำมาใช้รักษาโรคมะเร็งนานาชนิด
สิ่งที่ทำลายชีวิตนั้น ก็สามารถรักษาชีวิตได้ด้วยเช่นกัน
อย่ากลัวความทุกข์ เพราะสิ่งที่ทำให้เราทุกข์นั้น
ก็สามารถสร้างสุขให้เราได้เช่นกัน
คัดลอกจาก...กินปลาอย่าให้ก้างตำปาก [Family]
โดย... รินใจ
ขอบคุณธรรมจักร