ค่าสมมุติ...
หิโต พหุนฺนํ ปฏิปชฺชํ
ตํ เทวตา รกฺขติ ธมฺมคุตตํ
พหุสฺสุตํ สีลวตูปปฺนํ
ธมฺเม ฐิตํ น วิชหาติ กิตฺติ ฯ
อง. ป. ๒๒/๔๒/๕๑
สัตบุรุษครอบครองโภคทรัพย์ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่พหูชน
เทวดาย่อมรักษาเขาผู้ธรรมคุ้มครอง เป็นพหูสูต สมบูรณ์ด้วยศีล
และจริยาวัตร เกียรติก็ไม่ละทิ้งเขาผู้ตั้งอยู่ในธรรม
โภคทรัพย์มากมายหลากหลายสิ่ง
คนดีจริงปกป้องครอบครองอยู่
เพื่อประโยชน์สูงล้ำคอยค้ำชู
แก่พหูชนหญิงชายชาวประชา
เทวดาปกป้องคุ้มครองเขา
ผู้ขัดเกลาศีลมั่นหมั่นรักษา
ทรงความรู้คู่ธรรม์งามจรรยา
ย่อมเลิศหล้าเกริกก้องเกียรติคุณฯ
ทรัพย์คือ...'เครื่องปลื้มใจ'...ยึดตามความหมายนี้มันก็แค่เครื่อง
ปลื้มใจอย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ในฐานะ ..'ค่าสมมุติ'...มนุษย์เพียงผลัด
เปลี่ยนกันเข้ามาครอบครอง ทำนอง...'สมบัติผลัดกันชม'...
ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทรัพย์ไม่สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ได้ด้วยตัวของ
มันเอง เพชรพลอยเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินในสายตาของไก่ สู้
ข้าวเปลือกสักเม็ดหนึ่งก็ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่ามันตกอยู่ในมือของใคร
มากกว่า ตกอยู่ในมือของคนอัธยาศัยคับแคบ แม้มากมายก็ไม่ต่าง
จากน้ำเค็มเต็มทะเลตักอาบดื่มกินไม่ได้ ตกอยู่ในมือของคนอัธยาศัย
กว้างใหญ่ แม้ไม่มากก็เปรียบเหมือนบ่อน้ำใสตักอาบดื่มกินได้
สำหรับสัตบุรุษมิได้ครอบครองทรัพย์เพื่อประโยชน์ตน หากแต่เพื่อ
ประโยชน์ของผู้คนทั้งหลาย สัตบุรุษขุดบ่อน้ำไว้เพื่อให้ผู้คนมาตัก
อาบและดื่มกิน ช่างน่าอัศจรรย์จริง ยิ่งผู้คนตักอาบดื่มกินมากเท่าไร
น้ำในบ่อก็ยิ่งซึมไหลออกมามากเท่านั้น ไม่เหือดแห้งเลย
ทั้งนี้ เพราะอานุภาพของอัธยาศัยกว้างใหญ่นั่นเอง ทรัพย์ไม่มีชีวิต
จิตใจ แต่มันก็รู้ดีว่า เมื่อมาอยู่กับสัตบุรุษจะเกิดประโยชน์มหาศาล
มิใช่ยิ่งให้ยิ่งหมด แต่ยิ่งให้ยิ่งมา อย่ามัวกักเก็บไว้คนเดียว ใช้ให้
เกิดประโยชน์บ้าง มันถูก ดองเค็ม กลายเป็นเกลือหรือหมักจนขึ้นรา
จะว่าอย่างไร รู้ไหม เมื่อวันนั้นมาถึง ธนบัตรก็เป็นเพียงเศษกระดาษ...ฯ
~พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์