กรุณาคือสงสาร
พระพุทธองค์ทรงทราบดีว่า เมตตาไม่พอที่จะหล่อเลี้ยงโลก จึงตรัสว่า ยังมีความรักอีกประเภทหนึ่ง ที่สูงกว่าเมตตา แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ขอเล่าอีกสักตัวอย่างหนึ่ง
ท่านอาจารย์ชยสาโร หรือ ท่านชอน ชิเวอตัน ลูกศิษย์ หลวงปู่ชา ท่านเล่าไว้ ตอนที่ท่านแสวงหาครูบาอาจารย์ทางจิตวิญญาณนั้น ได้เดินกระเซิงอยู่กลางกรุงเตฮาราน ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย สภาพจิตใจสะบักสะบอม หิวแสนหิว เงินไม่มีแม้แต่บาทเดียว ยืนหน้าร้านอาหารริมทาง กลิ่นแตะจมูก ตาลาย หูอื้อไปหมด แต่ก็ไม่ขอ และไม่เคยคิดจะขโมย
กำลังหันไปหันมา ไม่รู้จะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรนั้นเอง จู่ๆ มีหญิงสูงอายุ หน้าตาบึ้งตึง เดินออกมาจากซอกตึก จูงแขนท่านไป พาไปบนบ้าน ไปอาบน้ำ ในห้องน้ำ ตัดผมให้ ยื่นมีดโกนหนวดให้ เอาเสื้อผ้าใหม่มาให้ จัดกับข้าวให้ เสร็จแล้วจูงแขนมาส่งกลางตลาด ชอน ชิเวอตันของเราไม่รู้จะทำยังไง ก็เดินหายไป
จนกระทั่ง ท่านได้มาพบครูบาอาจารย์ที่แท้จริงในเมืองไทย คือ หลวงปู่ชา สุภัทโท ท่านเดินจากมาครั้งนั้น แต่ผู้หญิงคนนั้น ท่านเรียกว่า พระโพธิสัตว์หน้าบึ้ง ไม่เคยเดินออกจากความทรงจำของท่านเลย
ท่านอาจารย์ชยสาโร สรุปว่า นี่คือ เมตตา
เห็นมั้ยว่า หัวใจของเรานั้น มีศักยภาพที่จะรักใครก็ได้ทั้งนั้น แต่ทำไมจึงรักไม่ได้ ความคับแคบ เราออกจากอคติไม่ได้ เช่นคนไทยทุกวันนี้ เห็นคนที่อยู่ฝั่งรัฐบาล ก็บอกว่าชั่ว เลว ฝั่งรัฐบาลก็บอกพันธมิตรว่า อนารย โฉด รุนแรง เอาแต่ใจตัว แท้ที่จริง ไม่ว่าฝั่งไหน ทุกคนคือ มนุษยชาติ เหมือนกันทั้งหมด เราไม่สามารถรู้สึกว่า ทุกคนคือ มนุษยชาติ เพราะเราก้าวข้ามไม่พ้นเปลือกของความเป็นมนุษย์ที่ครอบเราอยู่
อย่างอาตมาเป็นพระ เปลือกของอาตมาเป็นพระ ลึกๆ อาตมาเป็นมนุษย์ โยมที่นั่งอยู่นี่ เปลือกของคุณโยมเป็นหญิง เป็นชาย แค่ความเป็นหญิง เป็นชาย บางทีก็ทำให้เรามีอคติต่อกัน ใช่มั้ย ชายจะเอาเปรียบหญิง หญิงรู้สึกว่า ผู้ชายกำลังเอาเปรียบ ก็แค้นกัน อยู่ต่างพรรค ต่างพวก ต่างที่ทำงาน ต่างสถาบัน ผิวสีต่างกัน มีฮีโร่ต่างกัน แค่นี้ก็ทำให้มนุษย์โกรธ เกลียด ชิงชังกันได้ แล้วก็ทำร้ายกันได้ ทั้งที่ถ้าเราขจัดเปลือกนี้ออกได้หมด มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่จะเมตตาซึ่งกันและกันได้ อย่างไร้ขีดจำกัด
พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นว่า เมตตาอย่างเดียวช่วยโลกไม่ได้แน่ๆ ทรงนำเสนอความรักอีกชนิดหนึ่ง นั่นคือ กรุณา คือ ความสงสาร นั่นเอง มีความสำคัญถึงขนาดยกให้เป็นหนึ่งในพระพุทธคุณของพระองค์ หนึ่งในคุณบทของคนเป็นพระอรหันต์ ก็เพราะ กรุณาไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ
กรุณา ที่แท้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราเจริญวิปัสสนากรรมฐานไป จนกระทั่งบรรลุถึงตาน้ำแห่งโพธิ คือ เป็นพระอริยบุคคล ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จนได้เป็นพระอรหันต์
ทันทีที่จิตของเราลงสู่กระแสแห่งความเป็นพระโสดาบัน ซึ่งเป็นกระแสแรกแห่งความเป็นอารยชน กรุณาจะเกิดในใจเรา
รักแท้ คือ กรุณา นี้ เปรียบเสมือนดอกบัวที่ตูมอยู่ตลอดเวลาในสระน้ำแห่งหัวใจของเรานี้ เขารออยู่เพียงเมื่อไหร่แสงแรกของพระอาทิตย์จะสาดมา คนทุกคนมีความรักที่ชื่อกรุณา จำพรรษาอยู่ในหัวใจแล้ว ดี ชั่ว โง่ ฉลาด ไทย เทศ ก็มี พระ หรือโยมก็มี แต่ทำไม รักแท้ คือ กรุณา แสดงตัวไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่า ๑.เรามีรักแท้ คือ กรุณาอยู่ และ ๒.เราหากุญแจเปิดประตูไม่ถูก
ฉะนั้น ถ้าเราอยากพัฒนาความรักของเรา จากรักตัวกลัวตาย รักใคร่ปรารถนา รักเมตตาอารี จนมาถึง รักมีแต่ให้ กุญแจอยู่ตรงวิปัสสนา กรรมฐาน
"ว.วชิรเมธี"