ธรรมทำให้งาม
ความประพฤติจะเป็นไปถูกทางได้ ต้องอาศัยธรรมคือ ขันติ ความอดทน โสรัจจะ ความเสงี่ยม เป็นหลัก
ขันติแปลว่าความอดทน มี ๓ ประการคือ ทนตรากตรำ ทนลำบาก ทนเจ็บใจ
ความอดทนต่อหนาวร้อนลมแดดสัมผัส เหลือบยุงและสัตว์เลื้อยคลาน หากมุ่งประกอบการงานเป็นใหญ่ ไม่พรั่นพรึงต่อหนาวร้อน ได้ชื่อว่าทนตรากตรำ คนผู้มีรูปร่างล่ำสัน มีข้อลำแข็งแรงมีกำลังมาก ย่อมเป็นที่ชอบใจของตัวเองและผู้อื่น ตรงที่สามารถจะ
ทนตรากตรำ เดินทางได้ไกล และแบกลากภาระอันหนักได้ ไม่มีใครปฏิเสธว่าเป็นผลไม่ควรปรารถนา แม่ผู้ที่ไม่ต้องประกอบการงานหน้าก็ยังต้องการ
กำลังกายซึ่งเป็นดุจพาหนะอันแข็งแรงที่ใจจะขับให้ดำเนินไปในทางดีหรือชั่ว ใจดีย่อมขับกายให้ประกอบการหาเลี้ยงชีพโดยชอบ ใจชั่วย่อมขับกายให้ประกอบการนั้นโดยมิชอบอย่างไรก็ดีกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องมีไว้ จึงต้องมีวิธีฝึกหัดร่างกาย เพื่อจะบำรุงกำลังให้ทนทานตรากตรำทำกิจให้สำเร็จตามหน้าที่ของตนได้ ถ้ามีแต่กำลังกาย แต่ใจย่อท้อ ท้อแท้ต่อหนาวร้อน ก็ไม่อาจทำกิจกรรมให้สำเร็จตามหน้าที่ คนเช่นนั้นนับว่าไม่อดทน เป็นคนเกียจคร้านต้องตามลักษณะที่พระบรมศาสดาตรัสไว้ในสิงคาโลวาทสูตรมีใจความว่า
"คนเกียจคร้านมักอ้างว่า หนาวนัก ร้อนนัก เวลาเย็นแล้ว ยังเช้าอยู่ หิวนัก กระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน"
คนที่มีลักษณะเช่นนี้ มักทำอะไรไม่สำเร็จลาภยศที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้น ที่มีอยู่แล้วก็เสื่อมทรามไป แต่ถ้ามีขันติก็กำกับอยู่ก็จะข่มใจขับไล่ความเกียจคร้านนั้นเสีย ทนตรากตรำ ทำกิจการให้สำเร็จ ไม่ยอมย่อท้อต่อความยากลำบาก อาจตั้งต้นได้ในลาภยศชื่อเสียงสุขกายสุขใจ ถึงจะเหน็ดเหนื่อยในเวลาทำงาน ภายหลังย่อมได้ผลแห่งความเหน็ดเหนื่อย กล่าวคือการงานที่ประกอบนั้นสำเร็จด้วยดี ทำให้เกิดปิติโสมนัสความชื่นบาน เพราะนึกถึงกิจการที่ทำมานั้น พระบรมศาสดาของเราทั้งหลาย จึงได้ตรัสผลของบุคคลที่อดทนโดยนิพนธ์พุทธสุภาษิตว่า
"เมื่อผู้ใดทำกิจของบุรุษ ไม่สำคัญว่าหนาวและร้อนยิ่งกว่าหญ้า ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากสุข ขันติมีลักษณะดังกล่าวมานี้ได้ชื่อว่าทนตรากตรำ"
ขอบคุณบทความจาก ลานธรรมจักร