ความรัก กับ วิบากแห่งกรรม
“การก่อกรรมกับผู้อื่นมีหลักอยู่ง่าย ๆ นะ หนึ่งคือมีเจตนากระทำการกับสิ่งมีชีวิต สองคือสิ่งมีชีวิตนั้นได้รับผลทางกายหรือทางใจสมเจตนาของผู้กระทำ เราทำเวรทำกรรมไปนั้น จะรู้หรือไม่รู้ก็ตามว่าเป็นกรรมเวร อย่างไรวันหนึ่งก็ต้องให้ผล ผมพูดอย่างนี้อาจทำให้หนูนึกได้… นับถูกไหมว่ากี่ครั้งที่หนูพูดอะไรเช่น ‘ชักจะใจอ่อนแล้วซี’ ทั้งที่ความจริงยังไม่มีใจแม้แต่นิดเดียว” (กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓ พยากรณ์ดาวเด่น)
ความรัก กับ วิบากแห่งกรรม
ลานดาวตะลึงคล้ายถูกไฟดูด นั่นเป็นถ้อยคำที่หล่อนใช้เป็นประจำจริงๆ โดยเฉพาะกับนักตื๊อที่ดูดี และท่าทางจะไม่มีพิษมีภัยในภายหลัง จะว่านนทกานต์แอบมาเล่าให้ฟังก็คงยาก เพราะจำได้ว่าหล่อนไม่เคยโปรยคำเด็ดนี้ใส่หูเขา ต้องพิเศษกว่านนทกานต์อีกสักนิดหนึ่งหรอกถึงมีสิทธิ์ได้ยิน
“แค่นี้ก็ถือว่าเป็นกรรมที่ต้องได้รับโทษหรือคะ?”
“ไม่ใช่แค่คำพูดนี้หรอกนะ ทุกอาการ ทุกถ้อยคำที่รวมกันทำให้ใครต่อใครเขาคาดหวังนั่นแหละ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถูกหลอกให้คาดหวังอย่างแรง จบลงด้วยความผิดหวังอย่างหนัก เหมือนเมื่อเรายังอ่อนแอในวัยเด็ก พ่อแม่บอกว่าจะมาแล้วไม่มา เราน้อยใจ เราอยากร้องไห้อย่างไร ก็คือความรู้สึกแบบนั้นคูณเข้าไปด้วยจำนวนหนุ่มๆที่อกหักจากเรา ลองคำนวณเถอะว่าถ้าวันหนึ่งมันย้อนกลับมากระแทกเรา มันจะหนักขนาดไหน”
ขอบคุณลานธรรม