อิสระชน
ไม่มีกรรม อกุศล ดลให้หมอง
สัมมาชีพ เลี้ยงตน บนครรลอง
ไม่เกี่ยวข้อง พาลผิด จิตดีงาม
เขาย่อมอยู่ ปลอดภัย ในโลกนี้
มีเสรี อิสระ เหลือจะห้าม
เกียรติยศ ปรากฏชื่อ ระบือนาม
อยู่โดยความ สุขใจทั่ว ครัวเรือนวัง
มีครอบครัว คนทั่วไป ว่าใจสุข
ไม่เห็นทุกข์ ว่าโดนรัก มากักขัง
ดัวยสายใย หน้าตา มาปิดบัง
คนที่ชัง อยู่ใกล้ ร่วมชายคา
เขาหยิบยื่น คำหวาน ปานน้ำผิ้ง
ฟังแล้วซึ้ง ผูกจิต คิดเสน่หา
สายใยรัก ปักแน่น แก่นอุรา
รู้ตัวมา เมื่อสาย ลูกหลายคน
อยู่ผู้เดียว เที่ยวเข้าใจ ในอิสระ
ฉันนี่หละ เสรี ที่ทุกหน
หลีกจากหมู่ อยู่ผู้เดียว ไม่เกี่ยวคน
รู้สึกตน โอ้..ขันธ์ห้า มาครอบงำ
ขันธ์ทั้งห้า ครอบงำเงื่อน เหมือนนักโทษ
ให้จิตโขลด โง่เขลา เข้าถลำ
อุปาทาน ขันธ์ห้าเคล้า จิตเศร้าดำ
ขันธ์ครอบงำ จิตไว้ ไร้เสรี
บัณฑิตใด เห็นภัย ในวัฏฏะ
น้อมธรรมะ ละลด จิตสดศรี
ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ขันธ์ที่มี
ฝึกจิตนี้ ตั้งมั่น ทุกวันคืน
บัณฑิตนั้น ย่อมมีจิต อิสระ
เพราะการละ ดับกิเลส เหตุขมขื่น
ละเราเขา ตัวตนไซร้ ไม่ยั่งยืน
สละคืน ความยึดมั่น นั้นได้ลง
อิสระชน นั้นคือพระ อริยเจ้า
น้อมจิตเข้า กระแสธรรม สิ้นกรรมหลง
ปรารภอุ-- เบกขาให้ ใจมั่นคง
โลภโกรธหลง ดับสิ้นแล้ว อิสระ.........เสรี
เจริญในธรรมครับ
ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักร