ถวายสังฆทานอานิสงค์เกินความคาดหมาย
ในสมัยพุทธกาล มีพี่น้องอยู่ สองคน คนพี่นามว่า “ภัททา” คนน้องนามว่า “สุภัททา” ภัททาคนพี่เป็นผู้มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทำทานโดยใส่บาตรตอนเช้าเป็นประจำทุกวัน มาตั้งแต่วัยเยาว์ต่อมานางได้ไปอยู่ในตระกูลของสามี แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ภัททาจึงบอกให้สามีรับสุภัททาน้องสาวมาอยู่ร่วมกันเพื่อนที่จะได้มีลูกสืบสกุล ภัททาได้ให้โอวาทแก่น้องสาวว่าให้ทำทานเสมอ จักได้ทรัพย์สมบัติในภายภาคหน้า นางสุภัททาก็เชื่อฟังและปฎิบัติตามคำที่พี่สอน วันหนึ่งนางจึงให้คนไปนิมนต์พระเรวตะเถระ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ให้เข้ามาฉันภายในบ้านของตน พระเรวตะเถระได้มีจิตกรุณาปราถนาจะให้นางสุภัททาได้บุญมาก จึงพาพระภิกษุ 7 รูป ที่ล้วนเป็นพระอรหันต์ขีณาสพได้ด้วย เพื่อให้นางได้ถวายเป็น “สังฆทาน” นางก็ได้ถวายพระอรหันต์ทั้งหลายด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ต่อมาก็ถวายสังฆทาน ขั้นพระอรหันต์ทานอีกหลายครั้ง เมื่อถึงอายุขัย นางทั้งสองก็ตายไปตามธรรมดาสังขาร
นางสุภัททา ผู้เป็นน้องได้มาบังเกิดเป็นเทพนารี ทรงรัศมีรุ่งเรืองงดงาม มีปราสาททองเป็นวิมาน อยู่บนสรวงสวรรค์ชั้น นิมมานรดี เมื่อนางามาพิจารณาดูถึงเหตุแห่งผลบุญอันมหาศาลนี้ ก็ได้รู้แจ้งว่า ได้เคยถวายสังฆทานแด่พระอริยสงฆ์ และที่ทำไปก็เพราะโอวาทที่พี่สาวเคยอบรมไว้ นางจึงไปหาพี่สาว ซึ่งได้มาบังเกิตเป็นบาทบริจาริการ(คนรับใช้)แห่งท้าวสักกะบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นางภัททาเกิดความสงสัยว่าผลบุญอันใดที่ทำให้นางเป็นผู้เรืองยศ และมีความสุขสมบูรณ์เช่นนี้
นางภัททาเทพธิดา จึงถามว่า “พี่ได้เลี้ยงดูพระภิกษุทั้งหลาย ผู้สำรวมดี ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและน้ำ ด้วยมือของตนเองมากกว่าเธอ ก็ยังได้บังเกิดในเหล่าเทพเจ้าต่ำกว่าเธอ ส่วนเธอได้ถวายทานเพียงเล็กน้อย อย่างไรจึงมาได้ผลอย่างพิเศษไพบูลย์ถึงเช่นนี้เล่าแม่เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วยเถิด ” นางสุภัททาเทพธิดา ได้ตอบว่า “เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้เห็นพระภิกษุผู้อบรมจิตใจเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่ จึงได้นิมนต์ท่านรวม 8 รูปด้วยกัน มีพระเรวตะเถระเป็นประธานด้วยภัตตาหาร ท่านพระเรวตะนั้นมุ่งจะให้เกิดประโยชน์ อนุเคราะห์แก่ดิฉัน จึงบอกแก่ดิฉันว่า จงถวายทานแค่สงฆ์เถิด ดิฉันได้ทำตามคำของท่าน ทักขิณาของดิฉันนั้นจึงเป็นสังฆทาน ดิฉันเข้าตั้งไว้ในสงฆ์เป็นทานที่ไม่อาจปริมาณผลได้ว่ามีอยู่เท่าไร ส่วนทานที่คณพี่ได้ถวายแด่ภิกษุด้วยความเลื่อมใสเป็นรายบุคคล จึงมีผลไม่มาก”นางภัททาเทพธิดา จึงกล่าวรับรองดังนั้นว่า “พี่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการถวายสังฆทานนี้มีผลมาก ถ้าว่าพี่ได้ไปบังเกิดเป็นมนษย์อีก จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ถวายสังฆทานและจะไม่ประมาทเป็นนิตย์”