วิปัสสนาเพื่อให้จิตปล่อยวาง
...เราไม่ได้เป็นผู้ปล่อย แต่จิตเท่านั้นที่เป็นผู้ปล่อย เราเพียงแต่อาศัยอุบายพิจารณาเพื่อวางฐานให้จิตเค้าเห็นความจริง เพื่อที่จิตเค้าจะยอมรับความจริงเอง เมื่อจิตเห็น จิตเค้าก็ละเอง ปล่อยวางเอง
....ถึงแม้เราจะรู้โดยสัญญาแล้วว่าไม่มีเราอยู่โดยแท้จริง เป็นเพียงดิน น้ำ ลม ไฟ โดยแท้จริง
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่สัญญา ความจำได้หมายรู้เท่านั้น
...เรารู้จักแต่ชื่อแต่ยังไม่เห็นตัวจริงของเขา เพราะการที่เราจะละ เราไม่ได้ละที่ชื่อ
เราละที่ตัวจริงของเขา ในหน้าตา ลักษณะอาการของเขา เขาไม่เที่ยงยังไง เขาเป็นทุกข์ยังไง เขาไม่ใช่ตัวตนยังไง เราต้องเห็นด้วยความเป็นไตรลักษณ์อย่างนี้ เราต้องเอาไตรลักษณ์ไปตั้ง ไม่งั้นเราจะเห็นด้วยความยึดมั่นถือมั่น เราจะปล่อยวางไม่ได้
เราจะปล่อยวางได้ต่อเมื่อเห็นเป็นไตรลักษณ์หมดความยึดมั่นถือมั่นในกอง ดิน น้ำ ลม ไฟ ขันธ์ 5 ทั้งปวงแล้ว
....เราอยู่กับสิ่งที่มันไม่เที่ยง คืออยู่กับของที่จะต้องดับ แต่เราไปหลงว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นของเรา แต่สุดท้ายมันก็ดับไป สิ่งต่างๆในโลกเกิดมาด้วยความไม่มีอยู่แต่เดิม
สุดท้ายก็กลับไปสู่ความไม่มีเหมือนเดิม เราก็ไปหลงไปยึดความไม่มีนั่น ไปยึดสภาพความแปรปรวณที่มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดาเหล่านั้น ด้วยอวิชชาคือความไม่รู้ในไตรลักษณ์ จึงเกิดความหลงอันเป็นเหตุที่จะต้องเข้าไปค้นหา ความเป็น “เรา” ว่าจริงๆแล้วมีเราอยู่โดยแท้จริงหรือไม่
(หลวงพ่อชานนท์ วัดป่าเจริญธรรม จ.ชลบุรี)