สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
บัดนี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงยกกาลเวลาขึ้นมาตรัสสั่งสอน เป็นธรรมิกถาหรือถ้อยคำที่เป็นข้อธรรมะ หรือเรียกสามัญว่าเป็นสุภาษิตเตือนใจ ดั่งเช่นว่าตรัสสอนภิกษุให้พิจารณาเนืองๆ ว่าวันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ และได้ตรัสสอนไว้อีกว่าความเพียรควรเร่งรีบทำในวันนี้ทีเดียว ใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมาต่อวันพรุ่งนี้ และได้ตรัสสอนถึงสภาพของกาลเวลาไว้ว่า กาลเวลาย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวเอง ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนได้มีสติพิจารณาถึงกาลเวลา เพื่อที่จะได้เกิดปัญญารู้จักว่า จะใช้กาลเวลาอย่างไร
ดังที่ตรัสสอนบอกวันคืนล่วงไปๆ เราทำอะไรอยู่ ก็เพื่อพิจารณาเข้ามาดูว่า เราควรจะใช้กาลเวลาที่มาถึงจำเพาะหน้าประกอบกระทำอะไร และคำว่า อะไร นี้ทุกคนเมื่อพิจารณาดูแล้วก็ย่อมจะเห็นว่า
ทุกคนต่างต้องมีกิจที่พึงทำอยู่ด้วยกันทั้งนั้น เช่นเมื่อยู่ในวัยเรียนก็คือตั้งใจเล่าเรียนศึกษา เมื่อพ้นวัยเรียนถึงวัยทำการงาน ก็ประกอบการงานเป็นอาชีพ และการงานที่พึงทำอย่างอื่น และโดยเฉพาะภิกษุนั้น ก็ตรัสสอนให้ปฏิบัติในไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ตราบเท่าบรรลุถึงนิพพาน หรือวิมุติความหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ทั้งปวง เมื่อยังไม่บรรลุถึงวิมุตินิพพานก็ต้องปฏิบัติในไตรสิกขาเรื่อยไป จะหยุดว่าเพียงพอแล้วมิได้ แม้ผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไปก็เช่นเดียวกัน ที่เป็นฝ่ายฆราวาสก็มีหน้าที่ปฏิบัติธรรม อันอาจรวมเข้าได้ในไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เช่นเดียวกัน จนกว่าจะสิ้นกิเลสจึงจะเสร็จกิจแห่งการปฏิบัติในไตรสิกขา เมื่อยังไม่สิ้นกิเลสก็ต้องปฏิบัติธรรมคือไตรสิกขานี้เรื่อยไปเช่นเดียวกัน
๏ กิจที่พึงทำทุกวัน
เพราะฉะนั้น กิจที่พึงทำเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้คือในปัจจุบัน และในโลกหน้าคือในภายหน้า ก็เป็นกิจที่พึงทำอยู่ทุกวัน การปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์ก็พึงปฏิบัติ พึงกระทำอยู่ทุกวันเช่นเดียวกัน เป็นกิจที่พึงทำ เพราะฉะนั้น จึงพึงประกอบกระทำกิจเหล่านี้ให้งอกงามขึ้นทุกวันๆ โดยไม่ให้กาลเวลาล่วงไปปราศจากประโยชน์ และได้ทรงกำชับอย่างหนักแน่นไว้อีกว่า ควรกระทำความเพียรปฏิบัติกิจที่พึงทำดังกล่าวนั้นตั้งแต่ในวันนี้ ไม่ควรจะผลัดเพี้ยนว่าพรุ่งนี้ๆ เพราะใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมาต่อวันพรุ่งนี้
๏ ข้อที่ตรัสเตือนไว้ถึงกาลเวลา
และยังได้ตรัสเตือนไว้ถึงชีวิตอีกว่า การที่ปล่อยให้กาลเวลาล่วงไปเปล่าปราศจากประโยชน์อะไร ย่อมทำให้ชีวิตนี้แม้ที่ดำรงอยู่เป็นชีวิตเปล่า และถ้าซ้ำร้ายใช้ชีวิตนี้ประกอบกระทำการที่ชั่วผิดต่างๆ
เป็นบาปอกุศลทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจ ก็ทำให้ชีวิตนี้เป็น ทุชีวิตะ คือชีวิตชั่ว แต่ถ้าใช้ชีวิตนี้ประกอบคุณงามความดีต่างๆ ประกอบกิจที่พึงทำต่างๆ ตามหน้าที่ๆ พึงกระทำของตน ให้บรรลุถึงความสำเร็จตามที่สามารถจะพึงบรรลุได้ ก็ชื่อว่าทำชีวิตนี้ให้เป็น สุชีวิตะ คือชีวิตที่ดี