กิเลสบังทุกข์
ทุกข์มีอยู่ทุกที่ทุกเวลา มองเราดูมันเราจะเห็น มันน่าดูกว่าผี เห็นง่ายกว่าผี แปลกกว่าผี มันอำเราตลอดเวลา แต่เราดูมันไม่ทุกเวลา แต่มันก็มาให้เราเห็นเองบางเวลา
มีคำที่เป็นจริงที่สุดพระพุทธเจ้าบอกไว้แต่เราชอบเถียง ท่านบอกว่า
"ไม่อะไรเกิดนอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับนอกจากทุกข์" สรุปโลกนี้ไม่มีอะไรนอกจากทุกข์ เราก็เถียงอย่างมีเหตุผลว่า"ก็บางครั้งฉันก็สุข จะมีแต่ทุกข์อย่างไรได้"
พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนธรรมที่ผิด มันมีแต่ทุกข์จริงๆ มีทุกที่ทุกเวลา แต่เราไม่มองมันทุกเวลา เช่นเมื่อเราเงินหมดเราจะเห็นมัน เราบาดเจ็บ เราไม่สบายกายสบายใจเราถึงจะเห็นมัน
เมื่อให้ยกตัวอย่างทุกข์ที่ใกล้ตัวที่สุดส่วนมากจะบอกว่า "เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ" นั่นยังไกลมามากนะ
ทุกที่แท้มันอยู่กับเราตลอดเวลาไม่เลือกว่าจะต้องรอว่าเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการถึงจะทุกข์ไม่ใช่ มันมีตลอดแต่มันถูกบังคือ "กิเลสบังทุกข์" ไอ้นี่มันก็บังตลอดเราเลยไม่เห็นทุกข์
อ้าวแล้วทำไมเราถึงยังทุกข์ล่ะ ก็ตอนนั้นเรามองทุกข์เพราะอาจเป็นทุกข์ใหญ่ หรือเรามีสติมีสมาธิจดจ่อ มองไปเจอทุกข์
ข้อพิสูจน์ ว่าทุกข์มีตลอดเวลาแตกิเลสบัง
ทุกข์มีทั้งขณะนั่งขณะนอน ยืน ว่ายน้ำ กินข้าวมีหมด
เวลานอน เราทุกข์เพราะปวดเมื่อย กิเลสก็จะบังด้วยการพลิกตัว เรายืนทุกข์คือเมื่อยกิเลสก็บังด้วยการย่อนขาหรือนั่ง นั่งทุกข์เพราะเมื่อยกิเลสก็บังด้วยการขยับตัว เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าเราแทบไม่ทุกข์หรือไม่เห็นทุกข์เลยเพราะกิเลสมันบัง แต่ ลองเรายืนในที่ที่นั่งไม่ได้ย่อนขาไม่ได้สิ เช่นทหาร หรือในห้องประชุมที่ต้องนั่งนานๆทั้งที่อยากนอนเต็มแก่ หรือนั่งสมาธิโดยอธิษฐานว่าจะพิจารนากายไม่ลุกไปไหนสักชั่วโมง เป็นต้น อันนี้กิเลสจะบังไม่ได้มันอยากบังแต่บังไม่ได้เราจะเห็นทุกข์ได้ชัดเพราะไม่มีกิเลสบัง
หรือในการนั่งสมาธิที่มุ่งแค่สงบ พอนั่งไปถึงขั้นมันว่างมันสุขแล้ว อันนี้ก็บัง ยิ่งแย่ไม่ใช่แค่บัง บางคนยังหลงยึดติด
พอมาทีหลังก็มานั่งอยากว่างอยากสุขแบบเดิมแต่มันไม่ได้มันยึดติด บางท่านเป็นบ้า บางคนทุกข์หนักอยากได้อยากเป็นอยากสุขอยากว่าง บางคนพอสงบหน่อยคิดว่าเป็นอรหันต์ไป
ครูสายวัดป่า (หลวงปู่มั่น) ท่านให้พิจารณาหาใช่แคเอากิเลสมาบังทกข์แค่ให้สงบไปวันๆ
ธรรมแท้ไม่รู้อะไรไม่ได้ หลักธรรมสูงสุดของพระพุทธศาสนาไม่ใช่ไหว้พระขอพรให้มีแต่ความสุข แต่คืออริยสัจ เห็นทุกข์ รู้จักทุกข์ เข้าใจทุกข์ ดับทุกข์