ยาบรรเทากิเลสทั้งสาม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
จงมาช่วยกันบรรเทากิเลสทั้ง ๓
ด้วยการมาเจริญวิปัสสนากรรมฐานกันเถิดประเสริฐที่สุด
อะไรจะดีเท่า ทาน ศีล และภาวนา ทำให้จิตใจเบิกบาน
กิเลสทั้ง ๓ กองนี้จะได้ลดน้อยถอยลงไป
ด้วยหมั่นนึกถึงความตายไว้เสมอ
ท่านทั้งหลายที่ได้ชี้แจงแสดงมาในเรื่องกรรมฐานว่า
ความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็ตาม
ความที่จะมีอยู่ในกุศลบุญราศีแก่ท่านทั้งหลายก็ตาม
มาเจริญกรรมฐาน ตั้งสติสัมปชัญญะทุกประการ
ลมหายใจเข้ารู้ พองหนอ... ยุบหนอ... ยืนหนอ ๕ ครั้ง
มีอะไรก็กำหนด
โกรธหนอ... เสียใจหนอ... ดีใจหนอ... ตลอดรายการ
เราจะได้เห็นว่า ความตายมีชีวิตอย่างมั่นคงถาวร
ท่านเจ้าคุณศาสนโสภณ ท่านยังแต่งกลอนไว้ว่า
ระลึกถึงความตายสบายนัก
มันหักรักหักหลงในสงสาร
บรรเทามืดมัวมันอันตระการ
ทำให้หาญหายสะดุ้งไม่ยุ่งใจ
แต่ท่านทั้งหลาย ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย
เวลาใดทำให้ใจผ่องแผ้ว
เหมือนได้แก้วมีค่าคือราศี
เวลาใดทำใจให้ราคี
เหมือนมณีแตกหมดลดราคา
อันความสุขทางใจนั้นหายาก
คนส่วนมากไม่ชอบเสาะแสวงหา
ชอบแสวงหาแต่ความสนุกเพียงหูตา
มันจะพาชักจูงให้ยุ่งใจ
นี่แหละท่านทั้งหลาย พระพุทธเจ้าจอมปราชญ์
ได้ประทานธรรมโอสถ คือ การเจริญกรรมฐาน
มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ
สำหรับแก้โรคโลภ โกรธ หลง
ให้ปรากฏในอภิณหปัจจเวกข์คาถา
ตอนหนึ่งว่า มรณะ ธัมโมมหิ
เรามีความตายเป็นธรรมดา มะระณัง อะนะตีโต
ล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
คือ ยาอันวิเศษที่พระพุทธเจ้าประทานไว้
ฉะนั้นจึงขอให้ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย
ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ โปรดได้นำยาขนานนี้
คือ การเจริญกรรมฐานมาใช้ แล้วโรคภัยไข้เจ็บท่านก็จะได้หาย
ทั้งโรคภายนอก โรคภายใน
ทั้งโรค โลภ โกรธ หลง
กิเลส ๓ ประการนี้จะค่อย ๆ ทุเลาเบาบางลง
และความร่มเย็นเป็นสุขก็จะพลันบังเกิดขึ้น
สมดังความปรารถนาทุกประการ