การสวดมนต์และอานิสงส์การแผ่เมตตา
การสวดมนต์ตามพจนานุกรม หมายถึง คำกล่าวที่เป็นคาถา
คาถา หมายถึง คำเสกเป่าที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์
ศักดิ์สิทธิ์ หมายถึง ขลัง มีกำลัง มีอำนาจ มีอิทธิฤทธิ์
ดังนั้น คำว่า สวดมนต์ จึงหมายถึง การกล่าวคำศักดิ์สิทธิ์อันมีพลัง มีอำนาจ มีอิทธิฤทธิ์เหนือจิตใจของมนุษย์เรา ได้แก่การกล่าวคำสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และมนต์ของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า พระพุทธมนต์
บทแผ่เมตตา
คำว่า เมตตา หมายถึง ความรัก ความปรารถนาให้เขามีความสุข แผ่ไมตรีจิตคิดจะให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทั่วหน้า การแผ่เมตตาเป็นเรื่องที่จะละเลยไม่ได้ ทุกๆครั้งที่เราได้บำเพ็ญกุศลมาแล้ว จงแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งปวง เจตนาเพื่อช่วยให้เขาพ้นจากทุกข์ ให้มีความสุข ผลแห่งความสุขที่เขาได้รับจะกลับมาสนองแก่เราเอง ทำให้เราประสบความสุขยิ่งๆขึ้นเช่นเดียวกัน จะต้องแผ่เมตตาตัวเองก่อน ทำใจตนให้เป็นสมาธิเป็นกุศล แม้ว่าจิตใจเราเวลานั้นจะหม่นหมองในเคราะห์กรรม ที่เรากระทำเองหรือผู้อื่นกระทำให้ ก็ขอให้ทำจิตให้เป็นกุศล
(ปล.ที่ข้าพเจ้ารู้มาปรารถนาดีกับปรารถนาร้ายที่เราส่งออกไปมันจะกลับมาหาตัวเอง๒เท่าเจ้าคะ)
...อานิสงส์ของการแผ่เมตตา
...๑. นอนหลับเป็นสุข
...๒. ตื่นขึ้นก็เป็นสุข
...๓. ไม่ฝันร้าย
...๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
...๕. เป็นที่รักของอมนุษย์(ยักษ์)
...๖. เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา
...๗. ศัสตราวุธ ไฟป่า ยาพิษ ไม่อาจทำอันตรายได้
...๘. เมื่อได้ปฏิบัติธรรมสมาธิจะเกิดเร็ว
...๙. มีหน้าตาผ่องใสเบิกบานเป็นปกติ
...๑๐. ไม่หลงตาย
...๑๑. เมื่อตายไปแล้วจะไปเกิดในพรหมโลก
ที่มา http://www.dhammajak.net/
หนังสือไหว้พระสวดมนต์แล้วได้อะไร...พ.ต.อ.ประยูร ดิษฐานพงศ์...เรียบเรียง...