เปลี่ยนจากอกหัก หันมารักนิพพาน
วันนี้มองไปทางไหน เห็นแต่คนอกหักเยอะไปหมด พูดเล่นแต่เป็นจริงคือขนาดนางงามจักรวาลยังอกหักเลย :-D
สรุปแล้วสวยแค่ไหนหรือหล่อปานใด ยังไงก็มีสิทธิ์อกหักกันหมด คำถามคืออกหักแล้วให้ทำยังไง? ทำแบบพุทธดูไหม มาดูวิธีเป็นข้อๆเพื่อ "เปลี่ยนอาการอกหัก หันมารักนิพพานแทน" ว่าจะเป็นไปได้อย่างไรกัน
๑) ตื่นเช้ามาด้วยมหากุศล อย่าตื่นเช้าด้วยอกุศลจิต วิธีง่ายที่สุดคือสวดอิติปิโสทันทีที่รู้สึกตัว ถ้านอนคนเดียวในห้องก็เปล่งเสียงเต็มปากเต็มคำ ถ้าอยู่กับใครก็ให้สวดในใจแทน การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยมหากุศลจากการระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะช่วยให้รู้สึกว่าชีวิตของเราอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งวัน
๒) ช่วงอกหัก จะมีอาการหงอยๆ สงสารตัวเอง หรืออยากเรียกขอความสงสารจากเขาหรือเธอ อารมณ์เศร้าจะแทรกขึ้นมาในอารมณ์อย่างไม่อาจสกัดกั้น เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์ชนิดนั้น อย่าปล่อยให้ตัวเองพักนิ่ง จำไว้ว่าการพักนิ่งแม้เพียงนาทีเดียวก็ทำจิตของเราถล่มล่มจมวินาศสันตะโร ได้ทั้งวัน กู้คืนยาก ต้องตัดไฟแต่ต้นลม เห็นแล้วต้องเคลื่อนไหวทำอะไรทันที และต้องเป็นการทำทันทีในแบบปลุกใจให้กระตือรือร้นด้วย พอสร้างความเคยชินได้ครั้งหนึ่ง จะกลายเป็นอัตโนมัติของความเคยชินในครั้งต่อๆไปเอง
๓) พอเจอเครื่องเตือนให้นึกถึงเขา ให้ดูใจตัวเองว่าปฏิกิริยานั้นๆรุนแรงเพียงใด เมื่อเห็นว่าใจตัวเองมีอารมณ์ถวิลหารุนแรง ก็จะเห็นได้ทันทีว่าความรุนแรงนั้นเลือนลง ไม่เท่าเดิม ตาที่มองวัตถุจะเห็นเหมือนวัตถุอื่นๆที่ว่างเปล่า ปราศจากความหมาย แต่ถ้าไม่มองใจตัวเอง วัตถุก็จะดึงดูดหรือกระทบใจให้เกิดปฏิกิริยาไม่เลิก
๔) เมื่อรู้สึกเหงา อย่าฟังเพลงเลี้ยงอารมณ์เหงาเศร้า เพราะช่วงเหงาเศร้านั้น ร่างกายจะมีสารบางอย่างหลั่งออกมา ถ้ายอมจมอยู่กับความเศร้าหรือยินดีกับเพลงเศร้า สารก่อความเศร้าก็จะยิ่งหลั่งมากจนรู้สึกเหมือนตัวเองน่าสงสารเกินทน ไม่อาจพ้นไปได้ ทางที่ดีที่สุดคือหากีฬาสำหรับคนอกหักไว้ให้ตัวเอง ถ้าเป็นประเภทต้องโต้ตอบรวดเร็วอย่างปิงปองหรือแบตมินตันได้จะดีที่สุด เพราะความว่องไวของการเคลื่อนไหวจะทำให้ร่างกายหลั่งสารสดชื่นออกมาแทน กับทั้งไม่มีช่องว่างเว้นวรรคให้เศร้าต่อได้นานนัก
๕) เมื่อรู้สึกขาดความอบอุ่น ให้หาทางช่วยเหลือคนอื่นในทางใดทางหนึ่ง เราพุ่งออกไปหาเอง ไม่ต้องรอใครกรูมาหาเรา แล้วจะพบว่าเด็กน้อยกับคนชราที่ต้องการความอบอุ่นนั้น มีจำนวนมากมายมหาศาล เราทำให้เขาหายเหงาได้ เราเองก็จะหายหนาวด้วยเช่นกัน อีกอย่าง พลังชีวิตแบบวัยเด็กจะช่วยให้เรากลับสดชื่นและลืมนึกถึงวัยหนุ่มวัยสาวได้ แล้วความโรยราของคนแก่ก็จะช่วยกระตุ้นให้เราเห็นอนิจจังของชีวิตชัดขึ้น อยากเอาอะไรจากชีวิตน้อยลง
๖) เมื่อรู้สึกดีขึ้น ให้ตั้งไว้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะเจริญสติ เห็นว่าดีขึ้นได้ก็แผ่วลงได้อีก หดหู่ได้อีก เพราะจิตไม่ใช่สิ่งที่เราจะถือบังคับเอาได้ เห็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจะไม่อาลัยไยดีในการปลื้มความรักทั้งในอดีตและอนาคต แต่จะปลื้มกับความวิเวกทางใจที่เป็นอิสระแทนครับ
ดังตฤณ
สิงหาคม ๕๔
ธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ฉบับวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๔