คนกิเลสหนาพยายามปรับสิ่งแวดล้อมให้เข้ากับกิเลสตน เหมือนคนในเมืองรุ่งเรืองวัตถุ พยายามปรับสิ่งแวดล้อมให้เข้ากับตัวเอง คนบ้านนอกรักธรรมชาติ พยายามปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
ถ้าต้องไปกินข้าวภัตตาคารหรูเลิศรส อาหารคาวหวานหลากหลายชนิดบนโต๊ะอาหาร แก้วน้ำก็ต้องถามหาหลอดพลาสติก ถ้าไม่มีหลอด "กู" กินข้าวเคล้าความสุก (ทุกข์เกรียมไหม้) กับกินข้าวจานแมวข้าวแกงข้างทาง กินเรียบง่าย แก้วน้ำไม่ต้องถามหาหลอด กินแบบไม่มีกูกิน กินข้าวเคล้าความสุข
ไม่ว่าจะกินข้าวภัตตาคาร หรือกินข้าวแกงข้างทาง ก็ปรับตัวกินกันได้ทุกสภาพแวดล้อม ทำตัวกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ปรากฏการณ์ภายนอกไม่สร้างปรากฏการณ์ภายใน "ว่างจากสิ่งปรุงแต่งอายตนะ"
กลไกกิเลส คงจะคล้ายๆกลไกตลาด เหมือนราคาทองคำ คนเทขายมาก ราคาก็ตกลงมาเหลือบาทละพันแปดอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นราคาทองคำตกลงมา เห็นกิเลสคนกระเพื่อมแห่ไปซื้อเกร็งกำไรกัน แล้ววูบดับลงไป ปุถุชนย่อมเห็นวัตถุมีค่า อริยชนย่อมเห็นวัตถุไร้ค่า
ถ้าจะเปรียบเทียบกลไกกิเลสกับกลไกตลาด คงจะคล้ายคลึงกัน
กลไกตลาด
Demand มาก Supply น้อย ราคาสินค้าก็แพง
Demand น้อย Supply มาก ราคาสินค้าก็ถูก
กลไกกิเลส
ความอยากมาก ตอบสนองความอยากน้อย ก็ทุกข์น้อยลง
ความอยากน้อย ตอบสนองความอยากมาก ก็ทุกข์มากขึ้น
ก็เลือกกันตามระดับความอยาก อยากมาก ทุกข์มาก อยากน้อย ทุกข์น้อย
กราบขอบพระคุณที่มา :: ธรรมจักร
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
