ธรรมะกำจัดความเป็นตัวตน

ธรรมะกำจัดความเป็นตัวตน

ธรรมะกำจัดความเป็นตัวตน


อาจเคยได้ยินผู้ที่บรรลุธรรมได้เร็วที่สุดพระองค์หนึ่ง นั่นคือ พาหิยะ ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้ท่านพาหิยะ โดยย่อ คือ ไม่ว่าจะเห็นรูป ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส หรือรับรู้ธรรมารมณ์ ก็ให้"สักแต่ว่ารู้" แล้วจะไม่มีตัวตนไปทุกข์

แต่อ่านแล้วอาจมองข้ามแก่นของพระสูตรบทนี้ไป เพราะไม่เข้าใจว่า"สักแต่ว่ารู้"คืออะไร

สักแต่ว่ารู้ ก็คือ จะรู้อะไรก็ไม่ต้องเน้นรู้ ไม่ต้องไปคอยสนใจ ไม่ต้องมี"เรา"ไปวิพากษ์วิจารณ์ มี"เรา"ไปคอยให้พิจารณาให้ค่าให้ความหมาย มี"เรา"ไปพอใจหรือไม่พอใจ

สรรพสัตว์เมื่อหลงยึดติดว่าจิตเป็นของเราแล้ว ก็ย่อมหวงห่วงรักษาจิต เมื่อจิตดีจิตสงบก็พอใจ อยากยึดให้อยู่นานๆ เมื่อจิตไม่ดีไม่สงบก็ไม่พอใจ อยากผลักไสให้หมดไปเร็วๆ โดยไม่แจ้งในสัจธรรมว่าทุกอย่างไม่เที่ยง จิตเองก็เช่นกัน ย่อมมีสงบมีไม่สงบ มีจิตดีจิตไม่ดีเป็นธรรมดา ถ้ายึดมั่นถือมั่นในจิตก็ต้องหลงฟูหลงแฟบตามจิตไม่รู้จักจบสิ้น

ผู้ปฏิบัติจำนวนไม่น้อยเมื่อจิตไม่สงบก็ไม่พอใจ จะมีการพยายามกระทำจิตให้กลับมาสงบ มีอัตตาตัวตนเข้าไปกระทำจิตอยู่ตลอด เป็นไปด้วยโมหะความหลงว่าจิตเป็นของเรา เป็นการสนองตัณหา

ทางที่ถูกต้อง คือ อย่าให้ตัณหามันหลอก จิตจะดีจะไม่ดีก็ช่างมัน เนื่องจากจิตไม่ใช่ของเรา ดังนั้นก็ไม่ควรอยากให้จิตดีขึ้นหรือเลวลงแต่ประการใด ไม่ต้องจดจ่อ คอยดู คอยรู้อาการ หยุดตอกย้ำเจตนากรรมใส่ธาตุใส่ขันธ์ ลดตัวตนคอยกระทำคอยรักษาจิต จึงจะตรงกับ "สัทธานุสารี" ที่ว่ามีความเชื่อน้อมไปว่าตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่เที่ยง(อนิจจัง) มีแปรปรวนเป็นปกติเสียที จะได้ปฏิบัติแล้วลดละอัตตาตัวตนลง ไม่ทำตามตัณหา เป็นการปล่อยวางจิต และตรงต่อนิพพานเสียที

ธรรมะกำจัดความเป็นตัวตน


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์