โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ปัญหาของสังคมที่เกิดขึ้นมากมายทุกวันนี้ เพราะพวกเราไม่เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง ตามหลักพระพุทธศาสนาเราเป็นผู้สร้างชีวิต เมื่อเราคิดดี พูดดี ทำดี ก็ได้รับผลดี ถ้าคิดไม่ดีก็ได้รับผลไม่ดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว แต่เมื่อเราไม่เชื่อแล้วคิดว่าทำชั่วได้ดีมีถมไป ทำดีไม่ได้ดี ก็จะทำให้เราทำชั่วโดยไม่เกรงกลัวบาป ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เป็นปกติของคนส่วนใหญ่ในสังคมเราและเป็นต้นเหตุของปัญหา เหตุใดเราจึงมีความรู้สึกว่าทำชั่วได้ดีมีถมไป เมื่อเชื่อและรู้สึกอย่างนี้แล้วเราก็มักจะทำชั่ว เรื่องนี้เป็นปัญหาของสังคม ถ้าเราทุกคนเชื่อว่าชีวิตของเรานี้เราเป็นผู้สร้าง ถ้าเราสร้างเหตุที่ดี ทำดีจะได้รับผลดีแน่นอน ชีวิตของเราก็จะตั้งอยู่ในความดีตลอดไป ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธให้นึกถึงประวัติของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่พระองค์ทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จนกระทั่งเข้ามหาปรินิพพาน รวมระยะเวลา ๔๕ พรรษา จิตใจของท่านบริสุทธิ์ มีพระปัญญาธิคุณ มีพระกรุณาธิคุณ พระองค์ก็ยังต้องประสบกับโลกธรรมฝ่ายที่ไม่น่าปรารถนา คือเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เช่น เหตุการณ์ที่พระญาติถูกพระเจ้าวิฑูฑภะฆ่าตายเป็นจำนวนมาก เป็นต้น เหล่านี้เป็นเพราะกรรมแต่อดีต จึงทำให้เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้น
ดังนั้น เมื่อเรารู้สึกว่าทำไมคนนั้นทำชั่วแต่กลับมีลาภมียศ ก็เช่นเดียวกัน ก็คือเป็นเพราะกรรมแต่อดีต พระพุทธเจ้าตรัสเตือนสติไว้ว่า การทำความชั่วแล้วเหมือนได้ดีมีรสชาติหวานเหมือนน้ำผึ้ง การได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขนี้ ให้พิจารณาดูว่า ความจริงแล้วทำชั่วได้ดีไม่มี แต่เพราะความชั่วยังไม่ให้ผลต่างหาก หรืออาจเพราะมีความดีในอดีตมาก กรรมดีในอดีตยังให้ผลอยู่ การทำความชั่วจึงเหมือนได้ดีก็มี เปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ เมื่อเราปลูกมะเขือเทศ ปลูกปีนี้ก็ออกผลปีนี้ บางสิ่งบางอย่างปลูกปีนี้ก็ได้ผลปีนี้ แต่หากเราปลูกมะม่วงอาจจะออกผลในอีกห้าหกปีข้างหน้า หรือปลูกต้นตาลอาจไม่ได้กินลูกตาลในชาตินี้ จะเห็นได้ว่า แม้แต่ปลูกต้นไม้ก็ยังไม่ได้ออกผลทันที สมมติเราเป็นคนเก่ง มีไอคิวสูง มีความสามารถ มีอำนาจและบริวารมาก ได้ทำความดี เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมานาน แล้วพอมาทำความชั่ว แต่อาจจะยังไม่ได้รับลาภ ยศ สรรเสริญก็เป็นได้ นั่นก็เพราะกรรมชั่วยังไม่ได้ออกผลในทันที
พระพุทธเจ้าจึงเตือนสติไว้ว่า การทำชั่วแล้วได้ดีไม่มี เพียงแต่กรรมชั่วยังไม่ได้ออกผลชั่ว อย่างไรก็ตามต้องออกผลมาแน่นอน ส่วนเรื่องทำความดีแล้วดูเหมือนไม่ได้ดี แต่กลับเหมือนเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เป็นทุกข์ ไม่ได้ดีนั้น พระพุทธเจ้าก็ทรงให้กำลังใจไว้ว่า ทำดีไม่ได้ดีไม่มี เพียงแต่ขอให้หนักแน่นในการทำความดีอย่างต่อเนื่อง อย่ายินดียินร้ายกับโลกธรรม ๘ มีลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ ทั้งหลายนี้ก็เหมือนลมฟ้าอากาศธรรมชาติ จะร้อน ฝนตก หรือพายุต่างๆ เราก็ยังหนักแน่นในการทำดีของเรา
ถ้าเราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย หนักแน่นในการคิดดี พูดดี ทำดีอย่างต่อเนื่อง แล้วคิดสร้างประโยชน์ให้แก่ชีวิตของเรา ต่อสังคมประเทศชาติ ก็เท่ากับว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์