บุคคลใดได้คบหาสมาคมกับนักปราชญ์บัณฑิต
ก็นับว่าเป็นผู้มีวาสนา
เพราะนักปราชญ์ท่านจะชักชวน
ให้ฝึกกายวาจาใจของตนให้ดีขึ้นไปโดยลำดับ
ซึ่งนักปราชญ์ทั้งหลายมีพระพุทธเจ้า เป็นต้น
ชักชวนให้บำเพ็ญทานการกุศล
เมื่อมีข้าวของเงินทองมาแล้วก็อย่าตระหนี่
เพราะตายแล้วเอาติดตัวไปไม่ได้
มีมากๆเข้าไป มีแต่โจรขโมยนั่นแหละ
มันจะมาคอยลักคอยแย่งชิงจี้ปล้นเอา
บางทีมันก็ฆ่าเจ้าของทรัพย์ตายแล้ว โจรเอาของไป
นี่นักปราชญ์ท่านจึงแนะนำว่า
ให้แบ่งกินมั่ง แบ่งทานมั่ง นั่นแหละ
ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วสักหน่อยก็จะเป็นภัยต่อตัวเอง
แล้วนักปราชญ์ ท่านก็ชักชวนให้รักษาศีล
ให้เว้นจากกรรมอันชั่ว
คือ แนะนำไม่ให้เบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่น
หาทางหลีกเลี่ยงจากการเบียดเบียน
แนะนำให้เจริญเมตตากรุณาทุกวันทุกคืน
จนเกิดความเอ็นดูสงสารทั้งบุคคลอื่นและสัตว์อื่น
ในฐานะที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
นอกจากนั้นก็แนะนำให้เจริญสมถะ และวิปัสสนา
เพ่งพิจารณาร่างกายสังขารนี้ให้เห็นเป็นของไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ตามสภาพความเป็นจริง
เพราะว่าความจริงของร่างกายมันเป็นอยู่อย่างงี้
แต่ว่าจิตของคนเราเนี่ย มันไม่ชอบพิจารณาความจริง
มันถูกกิเลสหลอกลวงให้เข้าใจผิด
คิดว่ารูปกายนี้สวยงาม
คิดว่ารูปกายนี่เที่ยงยั่งยืน
คิดว่ารูปร่างกายนี่เป็นของตนจริงๆ
:: หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
บุคคลใดได้คบหาสมาคมกับนักปราชญ์บัณฑิต...ก็นับว่าเป็นผู้มีวาสนา
บุคคลใดได้คบหาสมาคมกับนักปราชญ์บัณฑิต...ก็นับว่าเป็นผู้มีวาสนา
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!