การทำดีเป็นการสร้างเสน่ห์ให้แก่ชีวิต ทำชีวิตให้มีค่าไม่ว่าจะเป็นการดีทางกาย ทางวาจา หรือทางใจก็ตาม ดีทางกายนั้น นับแต่การไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน ไม่เป็นโจรปล้นทรัพย์ ปล้นความดีของผู้อื่น อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ลิ้นกระด้างคางแข็ง ไม่เย่อหยิ่งจองหอง ล้วนแต่เป็นความดีทางกายทั้งสิ้น ประการที่สอง ดีทางวาจา สุนทรภู่จอมกวีของไทยและของโลก กล่าวไว้ว่า...
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
ถ้าพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะถูกผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
เป็นมนุษย์สุดนิยมที่ลมปาก
จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
ถ้าพูดดีก็มีคนเขาเมตตา
จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ
อาวุธสำคัญอย่างหนึ่งของเราก็คือปาก จะได้ดีมีสุข จะอิ่มหรืออด ขาดทุนหรือกำไร ก็เพราะปาก ปากนั้นเป็นอาวุธที่สำคัญหากใช้เป็นก็เกิดคุณ หากใช้ไม่เป็นก็เกิดโทษ เพราะปากเป็นได้ทั้งหอกทั้งขวาน อดีตนายกรัฐมนตรีของเมืองไทยท่านหนึ่ง (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน) เคยกล่าวไว้ว่า ก่อนพูดเราเป็นนายของคำพูด พูดแล้วคำพูดเป็นนายของเรา ผู้ที่ชอบพูดทิ่มตำเสียดแทงให้ผู้อื่นสะดุ้งผวาเจ็บแสบเสียหาย พวกนี้เรียกว่า มุขสัตติ คือคนปากหอก บางพวกพูดที่ไหน แตกที่นั่น รักกันก็เกลียดกัน มิตรต้องกลายเป็นศัตรู อยู่ด้วยความหวาดระแวง พวกนี้เรียกว่า ปากขวาน คือพูดขวานผ่าซาก!
เพราะฉะนั้น การพูด การเจรจา หรือการใช้ปากต้องเป็นไปเพื่อความสร้างสรรค์ เป็นไปในทางที่จะก่อให้เกิดความรักความสมานสามัคคีกันระหว่างคนในชาติในศาสนา คนร่วมสังคมตลอดจนถึงครอบครัวของเรา!
การพูด การเจรจาที่จัดว่าสร้างสรรค์ ต้องเข้าลักษณะ พูดอ่อนหวาน พูดประสานสามัคคี พูดมีสาระ ทั้งสามลักษณะ นี้เป็นวาจาที่ไม่เกิดทุกข์เกิดโทษ พูดแล้วเกิดความรักใคร่กลมเกลียว ไม่แตกแยกแตกสามัคคีกัน ลักษณะของสามัคคีมีดังนี้
ถ้าสามัคคี เรียกว่า กลมเกลียว
แตกสามัคคี เรียกว่า ปีนเกลียว
เข้าหน้ากันไม่ติด เรียกว่า เขม็งเกลียว
เพราะฉะนั้น การที่สังคมแตกแยกร้าวฉาน ก็เกิดจากการที่เราใช้ปากไปในทางทำลายไม่สร้างสรรค์ ชอบยุให้รำตำให้รั่ว ดิฉันนินทาด่าว่าส่อเสียด ไม่ยกย่องให้เกียรติซึ่งกันและกัน คอยจ้องจับผิดซึ่งกันและกันเป็นสามีภรรยาเป็นนายเป็นบ่าวเป็นเจ้าเป็นข้า สุดท้ายต้องร้าวฉานทะเลาะขัดแย้งมีปัญหาต่อกันและกัน ขึ้นชื่อว่าทะเลาะวิวาท บาดหมางกันแล้ว ไม่มีผลดีใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนและเป็นอะไรก็ตาม เช่น...
ทะเลาะกับเมีย เพลียใจที่สุด
ทะเลาะกับผัว ปวดหัวที่สุด
ทะเลาะกับแฟน แค้นใจที่สุด
ทะเลาะกับพ่อแม่ แย่ที่สุด
ทะเลาะกับลูก ทุกข์ใจที่สุด
ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน รำคาญที่สุด
ทะเลาะกับผู้ร่วมงาน ฟุ้งซ่านที่สุด
ทะเลาะกับลูกน้อง มัวหมองที่สุด
ทะเลาะกับเจ้านาย ฉิบหายที่สุด
ทะเลาะกับพระเณร เวรกรรมที่สุดฯ
นี่แหละท่านทั้งหลาย สิ่งที่บ่อนทำลายความรัก ความมั่นคงที่พึงระวัง “อันวาจาชั่วตัวอุบาทว์ ช่างร้ายกาจเสียสุดที่ แม้นเป็นลูกพ่อแม่ก็ไม่ดี เป็นน้องพี่เขาก็รำคาญ หากเป็นเมียผัวก็หน่าย ใครเข้าใกล้ก็ร้าวฉาน ชอบยุแยงให้แหนงกัน ทำลายผลาญสามัคคี”
ฉะนั้น ทุกท่านจึงควรที่จะได้ใช้ปากให้เป็นไปในทางที่เกิดสันติสุข เกิดความเข้าใจ อย่าพูดให้เกิดความไขว้เขว ต้องวิเคราะห์แล้วค่อยวิจารณ์ บางท่านวิจารณ์โดยไม่วิเคราะห์ จึงเกิดวิตกเกิดฟ้องร้องเป็นคดีความเสียก็มาก ต้องเสียชื่อเสียง เสียเงินทอง เสียเวลา เสียไมตรี ก็เพราะเหตุนี้ ฯ