จิตสงบพบความสุข

คนเราเมื่อได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่ทะเยอทะยาน รู้จักสงบใจ ครั้นได้ความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ รู้จักมีสติ อดกลั้น ไม่คร่ำครวญเสียใจ

จิตสงบพบความสุข


                      เมื่อตกอยู่ในอำนาจกิเลสตัณหา ล้วนปรารถนาอยากได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทั้งนั้น ส่วนความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์นั้น ไม่มีใครปรารถนา 

                   แต่สิ่งเหล่านี้ไม่อาจสำเร็จได้ เพราะความปรารถนาและการอ้อนวอนเพียงอย่างเดียว ต้องลงมือทำโดยอุบายที่ชอบ จึงจะได้สมความปรารถนา 

        ลาภนั้น คือ การได้สิ่งของ สมบัติต่างๆ เกิดได้ 2 วิธี คือ

              1. อาศัยบุญเก่า ที่เรียกว่า บุญที่ตนได้ทำไว้ก่อน

              2. อาศัยความขยันหมั่นเพียร 

                  ในทางพระพุทธศาสนา การสรรเสริญผู้มีศรัทธาและศีล ว่าเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยลาภสักการะ มีพระพุทธภาษิตว่า "ผู้มีศรัทธาถึงพร้อมแล้วด้วยศีล เอิบอิ่มแล้วด้วยยศและโภคะ จะไปประเทศใดๆ ย่อมได้รับการบูชานับถือในประเทศนั้นๆ"

                  ยศ คือ การได้รับตั้งให้เป็นใหญ่ มีชื่อเสียง มีบริวารมาก ย่อมเกิดจากศีลธรรมตามพระพุทธภาษิตว่า "ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรมและไม่ประมาท" แต่ต้องประพฤติตนเป็นคนยุติธรรม จึงจะครองยศนั้นไว้ได้ มีพระพุทธภาษิตว่า "ผู้ใดไม่ประพฤติตนเป็นคนล่วงยุติธรรมเพราะรัก เพราะชัง เพราะกลัว เพราะเขลา ยศย่อมเจริญเต็มที่แก่ผู้นั้นดุจพระจันทร์ในข้างขึ้น ฉะนั้น"

                  ความสรรเสริญก็ดี เกียรติยศชื่อเสียงก็ดี ล้วนเกิดจากเหตุที่มีจริงบ้าง ไม่มีจริงบ้าง คนโง่เมื่อได้รับอุปการะจากผู้ใด แม้ผู้นั้นจะไม่มีความดีอยู่ในตัวเลย ก็กล่าวยกย่องสรรเสริญได้

         ส่วนคนฉลาดพิจารณาเห็นความดีแล้ว จึงสรรเสริญตามเป็นจริง

                  ความสรรเสริญนั้นไม่แน่นอน อาจถูกนินทาต่อไปอีก เมื่อชอบใจเขาก็สรรเสริญ เมื่อไม่ชอบใจเขาก็นินทา บางทีในคนๆ เดียวกัน อาจถูกสรรเสริญโดยส่วนหนึ่ง แต่กลับถูกนินทาเสียอีกส่วนหนึ่งก็ได้ แม้สุขจะเป็นเพียงชั่วขณะ อาจจะกลับกลายเป็นทุกข์ต่อไปได้

                  อารมณ์ที่น่าปรารถนา ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ส่วนอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ได้แก่ ความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ หมุนเวียนไปตามสัตว์โลกทั่วไป ไม่เลือกหน้า เรียกว่า โลกธรรม คือ ธรรมของโลก ธรรมเวียนไปตามโลก

                 ผู้มีปัญญาพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงว่า โลกธรรมเหล่านี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์แล้ว โลกธรรมจะไม่สามารถครอบงำจิตได้ ย่อมไม่ยินดีในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อันเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่เสียใจในความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์อันเกิดขึ้นแล้ว เมื่อละความยินดีเสียใจได้อย่างนี้แล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ พบกับความสุขแน่นอน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์