ยาแก้สิวทำให้เป็นมะเร็งตับ
ยาที่คุณรับประทานรักษาสิวมั่นใจหรือว่าไม่มีผลข้างเคียง
ยาที่คุณรับประทานเพื่อรักษาสิวส่วนใหญ่ คือยากลุ่มกรดวิตามินเอ ซึ่งมีชื่อเคมีคือ isotretinoin มีชื่อทางการค้าที่ขายในประเทศไทยคือ Roaccutane , Acnotin และ Isotane เป็นยารักษาสิวที่ใช้รักษาโรคสิวหัวช้าง สิวที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ สิวอักเสบเรื้อรังที่ทำให้จมูกผิดรูปร่าง สิวที่ทำให้เกิดแผลเป็นมากๆ และสิวในผู้ป่วยที่มีอาการวิตกกังวลเกินเหตุ
ยารักษาสิวตัวนี้จะทำให้ผู้ที่ตั้งครรภ์เด็กจะทำให้เด็กในครรภ์พิการ ผู้ที่ได้รับยาจึงต้องคุมกำเนิดก่อนรับประทานยานาน 1 เดือน และคุมกำเนิดระหว่างรับประทานยา ต้องหยุดยาล่วงหน้า 1 เดือนถึงจะตั้งครรภ์ได้ ต้องไม่บริจาคเลือดระหว่างรับประทานยาตัวนี้ ยาตัวนี้ต้องรับประทานต่อเนื่องกันนาน คือต้องรับยาจนได้ขนาดยาสะสมที่ 120 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น ถ้าคุณ50 กิโลกรัม ก็ต้องทานยาจนได้ยาสะสมเท่ากับ 120 X 50 คือ 6,000 มิลลิกรัมนั่นเอง
ถ้าทานวันละ 20 มิลลิกรัม ก็ต้องรับประทานต่อเนื่องกันนาน 300 วัน ยาตัวนี้ทำให้ริมฝีปากแห้ง ตาแห้ง ผิวแห้ง บางคนอาจมีเลือดกำเดาไหล ในบางรายอาจทำให้ตับอักเสบได้จริง และอาจทำให้มีไขมันในเลือดสูง
พบว่ายารักษาโรคผิวหนังหลายตัวมีผลเสียต่อตับ จึงต้องควรระมัดระวังไม่ใช้ยาเหล่านี้โดยไม่จำเป็น หรือต้องคอยตรวจการเปลี่ยนแปลงทางห้องปฏิบัติการของตับอยู่เสมอ เช่น
- ยา methotrexate ที่ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน อาจทำให้ตับแข็งได้
- ยากลุ่มกรดวิตามินเอที่ใช้รักษาโรคสิวและโรคสะเก็ดเงิน อาจมีพิษต่อตับและทำให้มีค่า เอนไซม์ตับสูงขึ้นได้
- ยา minocycline ที่ใช้รักษาโรคสิวอาจทำให้ตับอักเสบได้
- ยา griseofulvin , ketoconazole , terbinafine ที่รักษาการติดเชื้อราและยีสต์ของผิวหนัง อาจมีพิษต่อตับได้
ดังนั้นควรศึกษาให้ดีก่อนทานจะได้ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน
FW