หญิง-ชายพึงรู้ภัยร้าย ยาเสียตัว ผลถึงชีวิต!!
เว็บไซต์แห่งหนึ่งอ้างว่าขายผลิตภัณฑ์ด้านเซ็กซ์ทอยส์ จัดอันดับ สินค้าขายดีจากการที่มีลูกค้า สั่งซื้อสูงสุด ซึ่งไม่น่าแปลกใจ ที่ผลิตภัณฑ์เพิ่มขนาดท่านชายติดเกือบทุกอันดับ ยกเว้น “ยาเสียสาว” ถึงแม้ราคาบนเว็บจะแพงลิบ แต่เหล่าบรรดามิจฉาชีพยังคงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
“ยาเสียสาว-ยาเสียตัว” ไม่ใช่ชื่อใหม่ บรรดานักเที่ยวต่างรู้ดีและไม่อยากตกเป็นเหยื่อ ขณะที่ปัจจุบันยาเหล่านี้ไม่ได้ใช้มอมเฉพาะ “สาวเล็ก-สาวใหญ่” เพียงอย่างเดียว แต่ “หนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่” ก็ยังคงตกเป็นเหยื่อหลายครั้งหลายครา ยิ่งใกล้ถึง ช่วง หยุดยาวนักขัตฤกษ์ เทศกาลสงกรานต์ ผู้คนต่างเข้าไป “กินดื่ม” ตามสถานบันเทิงกันหนาแน่นมากขึ้น ยิ่งเป็นหอีกจุดเสี่ยงที่ควรจับตามอง
ไม่ต่างจากเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนแห่งหนึ่ง (บ้านชาย) เคยเป็นทั้ง “ผู้กระทำและถูก กระทำ” เราได้คุยกับเด็กกลุ่มหนึ่งที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีข่มขืนกระทำชำเรา
เอ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ละแวกบ้านเป็นชุมชนแออัดซึ่งเด็กที่มีพฤติกรรมเกเรจะรู้จักกันหมด จนตั้งกลุ่มเป็นแก๊งใหญ่คอยช่วยเหลือกันและกัน ทำให้รู้จักแหล่งค้ายามอมสาวเป็นอย่างดี โดยซื้อยา “โดมิคุม” หรือรู้จักในวงการว่า “ไอ้คุ่ม” ราคาเม็ดละ 100 บาท เหยื่อส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ที่อยู่ในโรงเรียนแนะนำให้รู้จัก ซึ่งพอเหยื่อตายใจก็จะชักชวนไปนั่งเล่นห้องเพื่อนที่ค่อนข้างมีระดับ เช่น คอนโดฯ ที่มีเครื่องเสียงและเครื่องเล่นซีดี
ส่วนมากหลอกเหยื่อ มาในเวลากลางวัน โดยจะพากันโดดเรียนมานั่งเล่นในห้องดังกล่าว พอหญิงสาวตายใจ เอจะให้เพื่อนทำทีไปซื้อน้ำอัดลมมาเลี้ยง และลอบใส่ยาที่บดเตรียมไว้แล้วในน้ำให้เหยื่อดื่ม ไม่กี่อึดใจสาวน้อยที่คึกคักก็หลับใหลไม่รู้ตัว คนร้ายที่เป็นตัวตั้งตัวตีทำการข่มขืนกระทำชำเราก่อนเป็นคนแรกหลังจากนั้นเพื่อนคนอื่นค่อย ๆ เรียงคิว
เอ ยอมรับว่า มีแฟนอยู่แล้วและมีเพศสัมพันธ์กันบ่อย แต่เหตุที่ทำไปเนื่องจากเพื่อน ๆ ในกลุ่มยุยงและอารมณ์ชั่ววูบ
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นฝ่ายหญิงตื่นขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ขณะที่คนร้ายต่างเตรียมอาวุธไว้ข่มขู่ไม่ให้เธอนำเหตุการณ์นี้ไปบอกใคร เอ บอกว่า ทำมาแล้วหลายครั้งเด็กผู้หญิงหลายคนก็ไม่ยอมบอกใครเพราะอับอาย และยังมีเด็กสาวบางส่วนที่นึกว่าการ กระทำของพวกเขาในครั้งนี้เป็นเรื่องธรรมดาแต่ใช่ว่าฝ่ายหญิงโดน กระทำเพียงอย่างเดียว ฝ่าย ชายเองที่ขนาดได้สมญานามว่า “เสือผู้หญิง” ก็เคยโดนลูบคมมาแล้ว
หนุ่ม (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ก่อนเข้ามาอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กฯ เคยค้ายาบ้ามาก่อน มีอยู่ครั้งหนึ่งไปเที่ยวผับกับเพื่อนก่อนนำยาบ้าไปส่งให้ลูกค้า ได้รู้จักกับหญิงสาวนางหนึ่งรูปร่างอวบอิ่มเชื้อเชิญให้เขาร่ำสุราอยู่ค่อนคืน หลังจากนั้นจึงพากันไปที่โรงแรม
ฝ่ายหญิงทำทีขอตัวไปอาบน้ำชำระคราบไคล ขณะที่หนุ่มนอนรออยู่บนเตียง ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเธอก็ออกมาพร้อม กับผ้าขนหนูคลุมกายผืนเดียว หนุ่มสังเกตเห็นว่าพอออกมาหญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหยดน้ำที่เกาะบนร่างเปลือยเปล่าเกือบทุกส่วนยกเว้นปทุมถันที่เธอระมัดระวังใช้ผ้าเพียงซับ ๆ ให้พอเป็นพิธี
แล้วหนุ่มก็ได้กระทำล่วงล้ำบนเนินอกอันอวบอิ่มของ หญิงสาว หนุ่มเล่าว่า รู้สึกฝาด ๆ ลิ้น แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากกว่านั้นเขาก็รู้สึกมึนหัวสลบลง ตื่นขึ้นมาอีกทีพร้อมกับร่างเปลือยเปล่า ไร้เงาสาวเจ้า “สวรรค์ล้มครืน”
หนุ่มตรวจดูทรัพย์สินพบว่า เงินในกระเป๋าหายเกลี้ยง ขณะที่ยาบ้าลอตใหญ่ก็หายไปด้วย เขาคิดอะไรไม่ออกจึงใช้โทรศัพท์โรงแรมโทรฯ ไปบอกเพื่อนให้มารับ
นพ.พงศพันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ยามอมสาวที่คนร้ายนำมาใช้ เป็นยานอนหลับที่มีการควบคุมอย่างใกล้ชิด เมื่อซื้อต้องมี ใบสั่งแพทย์หรือบางชนิดใช้ ในโรงพยาบาลอย่างเดียว
แต่การแพร่ระบาดของยาส่วนใหญ่ เกิดจากการลักลอบนำเข้าประเทศ เนื่องจากบางประเทศตัวยาเหล่านี้ไม่ได้รับการควบคุมอย่างจริงจัง ยาส่วนใหญ่ที่คนร้ายใช้คือ “โดมิคุม” ออกฤทธิ์ต่อจุด ศูนย์กลางการหายใจบริเวณสมองทำให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอน แต่หากใช้ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาชนิดอื่นที่ออกฤทธิ์เหมือนกันอาจทำให้ผู้ใช้เสียชีวิตได้
“โดมิคุม” หากใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้ติดได้ เนื่องจาก เมื่อได้รับเข้าไปแล้ว จะรู้สึกมีความต้องการอีก หากไม่ได้รับอาจมีความรู้สึกนอนไม่หลับ แต่บางกรณีใช้ติดต่อกันนานทำให้ดื้อยานอนไม่หลับ
ยาอีกตัวคือ อัลปราโซแลม มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อและทำให้เกิดอาการง่วงนอน ไม่มีแรง สูญเสียความทรงจำหลังจากใช้ยา โดยผู้ใช้รู้สึกง่วงนอนเมื่อทานเข้าไป 15 นาที ซึ่งมีฤทธิ์อยู่ 8-9 ชั่วโมง ยานี้ส่วนใหญ่ใช้กับผู้ป่วยทางจิตที่มีอาการคลุ้มคลั่งหมอจะให้ยาตัวนี้เพื่อผ่อนคลาย
ยาเหล่านี้เมื่อผสมกับน้ำไม่มีสีและรสทำให้ยากแก่การสังเกต ซึ่งเหล่ามิจฉาชีพนิยมนำยาผสมใส่กับน้ำเพื่อให้เหยื่อดื่ม ทางหลีกเลี่ยงที่ดีที่สุดคือ ไม่ควรเข้าไปในที่อโคจรเพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงในการโดนมอมยามากที่สุด ขณะเดียวกันก็ไม่ควรดื่มน้ำจากคนแปลกหน้าหรือวางแก้วไว้ไกลตัว อาจทำให้คนร้ายแอบใส่ยาลงไปได้
ส่วนผู้ชายเองก็ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเช่นกัน โดยใช้หญิงสาวเป็นตัวหลอกล่อ พอเผลอก็แอบใส่ยาในเครื่องดื่ม หรือแต้มไว้ตามจุดสำคัญของ ร่างกายเพื่อหลอกล่อให้ฝ่ายชายรับประทานเข้าไป
สำหรับโทษของผู้ที่นำยาเหล่านี้ขายให้ผู้อื่นโดยไม่มีใบสั่งยามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
“บ้านใดก็ตามที่มีผู้ใช้ยาเหล่านี้อยู่ ควรเก็บไว้ให้พ้นมือเด็ก เพราะมีคนไข้บางรายมีหลานเห็นแล้วแอบเอาไปเล่น ผสมกับน้ำหวานให้เพื่อนดื่ม ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากเพราะเป็นสารที่มีความร้ายแรง หากเด็กไม่มีภูมิต้านทานพออาจเสียชีวิต”
เมื่อรู้เช่นนี้การระแวดระวังที่ดีที่สุดคือ การไม่ประมาท...!!