
เรามาบริโภคไขมัน เพื่อลดความอ้วนกันเถอะ

หากคุณเป็นคนอ้วนคนที่พยายามลดความอ้วน โดยการรับประทานอาหารประเภทไขมันต่ำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่สำเร็จ ไม่ต้องเสียใจไป เพราะคุณไม่ใช่คนเดียวหรอกที่ไม่สามารถลดความอ้วนได้ด้วยการรับประทานอาหารไขมันต่ำ
มีสถิติที่น่าสนใจ กล่าวคือ คนอ้วน 2 ใน 3 คน ที่ลดน้ำหนักได้โดยการรับประทานอาหารประเภทไขมันต่ำ กลับเพิ่มน้ำหนักขึ้นอีกภายใน 1 ปี และหลังจากนั้น 5 ปี 97 คนใน 100 คน กลับอ้วนขึ้นดังเดิม นั่นหมายความว่า การลดน้ำหนักโดยการรับประทานอาหารประเภทไขมันต่ำ เป็นความล้มเหลวถึง 97%
จริง ๆ แล้วการที่คุณอ้วน เป็นเพราะ คุณรับประทานไขมันไม่พอ
เดี๋ยวนี้เราบริโภคไขมันน้อยลง ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เราบริโภคไขมันลดลง 11% และลดแคลอรีรวมลงไป 4% ถึงกระนั้น พวกเราส่วนใหญ่ ก็กลับอ้วนเอา ๆ ในปัจจุบัน คนอเมริกันเกือบ 60% มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ในจำนวนนี้ 31% เป็นโรคอ้วน ซึ่งสูงเป็นสองเท่าของเมื่อ 20 ปีก่อน แม้แต่เด็ก ๆ ของเราก็อ้วนขึ้น ในบรรดาเด็กที่มีอายุ 6-19 ปี 15% มีน้ำหนักเกินอย่างรุนแรง สำหรับเด็กอเมริกัน มีจำนวนถึง 9 ล้านคน มากเป็นสามเท่าของเมื่อ 30 ปีก่อน นับตั้งแต่กระแสการบริโภคไขมันต่ำเกิดขึ้นเมื่อทศวรรษปี 1970 เราทุกคนต่างก็อ้วนขึ้นและอ้วนขึ้น
สัจธรรมอันหนึ่งก็คือ อาหารไขมันต่ำ ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักอย่างถาวรแต่อย่างใด คุณอาจจะลดน้ำหนักลงได้ชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าคุณสามารถอดอาหารได้ แต่คุณต้องทนหิวอย่างสุดแสนจะทรมานตลอดเวลา และเพื่อที่จะลดน้ำหนักส่วนเกินของคุณออกไป มันเป็นการยากที่จะกินอาหารไขมันต่ำเป็นระยะเวลานาน ๆ และคนส่วนใหญ่ มักกลับไปกินอาหารแบบเดิม และนี่เอง ที่ทำให้เพิ่มน้ำหนักมากขึ้นกว่าเดิม มีผลงานวิจัยที่แสดงว่า คนที่บริโภคอาหารที่มีไขมันอย่างพอเพียง จะกินอาหารน้อยกว่าคนที่พยายามลดปริมาณไขมันในอาหาร ยิ่งคุณกินน้อยเท่าไร ปริมาณแคลอรีก็จะน้อยตามไปด้วย ดังนั้นการได้ปริมาณไขมันในอาหารอย่างพอเพียง จึงมีความจำเป็นสำหรับการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ และอย่างถาวร
ในขณะที่ไขมันทุกชนิดสามารถระงับความอยากกินอาหารได้ แต่มีไขมันบางอย่างที่ช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าอย่างอื่น ในเรื่องนี้ ได้มีนักวิจัยที่มหา วิทยาลัยแม๊กกิล ในเมืองควิเบก ประเทศแคนาดา ที่ได้ปรุงอาหารไขมันสูตรพิเศษ ที่ช่วยรักษาโรคอ้วนได้
อาหารนี้บริบูรณ์ด้วยไขมันที่ประกอบด้วยไตรกลีเซอไรด์สายโซ่ขนาดกลาง (medium-chain triglycerides-MCT) ในขณะที่อาหารส่วนใหญ่ ที่เราบริโภคเป็นประจำ เป็นไขมันที่ประกอบด้วยไตรกลีเซอไรด์สายโซ่ขนาดยาว (long-chain triglycerides-LCT) ขนาดของโมเลกุลของไขมันมีความสำคัญมาก เพราะร่างกายของเราแปรรูปและเปลี่ยนมันให้เป็นพลังงานในกระบวนการเมตาบอลิสซึม (metabolism) แตกต่างกันตามขนาดของโมเลกุล
น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มเมล็ดใน เป็นน้ำมันพืชเพียง 2 ชนิดที่เป็นไขมันประเภท MCT โดยที่น้ำมันมะพร้าวมี MCT มากที่สุด คือ 66% ในขณะที่ น้ำมันปาล์มเมล็ดใน มี 57%
ในการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน Journal of Nutrition พบว่าอาหารที่ประกอบด้วย MCT ทำให้เกิดการเพิ่มพลังงาน, การเพิ่มกระบวนการเมตาบอลิสซึม, การเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี, การลดการบริโภคอาหาร, การลดมวลไขมันในร่างกาย และ การลดน้ำหนักตัว ดังนั้นผู้วิจัยจึงแนะนำให้ใช้น้ำมันที่ประกอบด้วย MCT เช่นน้ำมันมะพร้าว เพื่อใช้ในการลดไขมันส่วนเกิน ควบคุมน้ำหนักตัว และแม้กระทั่งลดความอ้วน
เหตุผลหนึ่งที่น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในการลดไขมันของร่างกาย และลดน้ำหนัก ก็เพราะมันมีพลังงานน้อยกว่าไขมันอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ น้ำมันมะพร้าวจึงได้ชื่อว่า เป็นน้ำมันชนิดเดียวในโลก ที่เป็นไขมันธรรมชาติ ที่มีแคลอรีต่ำที่สุด เมื่อคุณเติมน้ำมันมะพร้าวลงในอาหาร คุณสามารถกินอาหารชนิดเดียวกับที่คุณเคยกิน แต่ได้แคลอรีน้อยกว่า
นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังมีผลต่อกระบวนการเมตาบอลิสซึม MCT ในน้ำมันมะพร้าว มีขนาดเล็กกว่าในน้ำมันอื่น ๆ เพราะฉะนั้น มันจึงถูกย่อยได้เร็วมาก เร็วจนกระทั่งร่างกายของเรา ใช้มันเป็นแหล่งของพลังงานทันที มากกว่าที่จะนำไปสะสมเป็นอาหารสำรองในรูปของไขมันที่ไปสะสมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
เพราะว่า MCT ถูกใช้โดยร่างกายเป็นแหล่งของเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงาน มันจึงมีผลในการกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิสซึม ช่วยเพิ่มการใช้แคลอรีของร่างกาย
ด้วยเหตุนี้ แคลอรีที่เราบริโภคเข้าไปในรูปของอาหาร จึงถูกเผาผลาญในอัตราสูงขึ้น จึงมีจำนวนน้อยที่เหลือสะสมเป็นไขมันในร่างกาย การกระตุ้นเมตาบอลิสซึมนี้ เกิดขึ้นเป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมงหลังจากกินอาหารที่มี MCT ผลลัพธ์ก็คือ คุณได้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และเผาผลาญแคลอรีในอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงหลังจากกินอาหารเข้าไป อีกสิ่งหนึ่งที่น้ำมันมะพร้าวช่วยได้ก็คือ มันช่วยลดปริมาณรวมของการบริโภคอาหารและแคลอรี น้ำมันมะพร้าวช่วยได้ดีกว่าน้ำมันอื่น ๆ เมื่อเติมน้ำมันมะพร้าวลงไปในอาหาร คุณจะกินอาหารได้น้อยลง และรู้สึกอิ่มนานขึ้น จึงไม่กินมากขึ้นในมื้อต่อไป
การเปลี่ยนประเภทของน้ำมันที่ใช้ในการเตรียมอาหาร เป็นวิธีที่ง่าย และสะดวก แต่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ทั้งนี้ เพราะคุณไม่ต้องปรับสภาพการกินอาหาร หรือเปลี่ยนชนิดของอาหาร และที่สำคัญ คุณไม่ต้องทนทรมานในการอดอาหาร หรือกินอาหารไขมันต่ำที่ปราศจากรสชาติ แต่มีราคาแพงลิบลิ่ว นอกจากนั้น ยังเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างถาวร.
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว