นายแพทย์สุมนัส บุณยะรัตเวช ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายความสัมพันธ์ของโรคเท้ากับฤดูกาล ว่า “สำหรับเมืองไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น ทำให้สภาพผิวหนังของคนไทยมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรคต่างๆ ได้มาก โดยเฉพาะฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ ทำให้มีเหงื่อออกเยอะ ซึ่งคนไข้ส่วนหนึ่งจะมาพบหมอด้วยโรคเหงื่อออกมากอย่างผิดปกติ หรือภาษาแพทย์เรียกว่า Hyperhidrosis ซึ่งมักเกิดขึ้นตามฝ่ามือและฝ่าเท้า”
“นอกจากน่ารำคาญใจแล้ว เหงื่อที่ออกมากๆ ในฤดูร้อน ยังตามมาด้วยความชื้นในฤดูฝน ซึ่งความชื้นที่พูดถึงนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมในการเติบโตของพวกเชื้อโรค และเป็นสาเหตุของการติดเชื้อโรคที่ผิวหนังนั่นเอง”
โรคเท้าเหม็น (Pitted Karatolysis)
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่น อาการสำคัญของโรคนี้ที่พบบ่อยสุดถึงร้อยละ 90 คือ เท้ามีกลิ่นเหม็น ส่วนอาการรองลงมาที่พบร้อยละ 70 คือ เวลาถอดถุงเท้าจะรู้สึกว่าถุงเท้าติดกับฝ่าเท้า ส่วนอาการคันนั้นพบได้น้อยคือ ร้อยละ 8
นอกจากการมีเหงื่อออกเท้ามากจนเกิดความอับชื้นในหน้าร้อนแล้ว สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ยังเกิดจากการใส่ถุงเท้าและรองเท้าอบอยู่ทั้งวัน รวมถึงการไม่หมั่นทำความสะอาดเท้าและรองเท้าอย่างสม่ำเสมอ เมื่อต้องลุยน้ำท่วมขังในหน้าฝน จึงส่งผลให้เกิดกลิ่นขึ้นได้เช่นกัน
ลักษณะอาการของโรคเท้าเหม็นคือมีหลุมเปื่อยเล็กๆ ที่ฝ่าเท้า บางครั้งหลุมอาจรวมตัวกันเป็นแอ่งเว้าตื้นๆ ดูคล้ายแผนที่ มักพบหลุมเหล่านี้บริเวณที่ต้องรับน้ำหนักและง่ามนิ้วเท้า ถ้าขูดผิวหนังที่มีอาการและนำไปย้อมเชื้อจะพบเชื้อแบคทีเรียเป็นสีน้ำเงิน แต่โดยทั่วไปโรคนี้ดูจากลักษณะภายนอกก็บอกได้