กินอาหารทะเล บำรุงสมอง
ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่อุดมสมบรูณ์ไปด้วยอาหารการกินอีกทั้งยังมีพื้นที่ติดกับทะเล ทั้งทางภาคใต้ และทางภาคตะวันออกของประเทศ ทำให้มีอาหารจากท้องทะเลมากกมาย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งอาหารทะเลเหล่านี้มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายสารพัดและหนึ่งในนั้นก็คือสารอาหารที่รู้จักกันในชื่อ โอเมก้า 3 (Omega-3)
โอเมก้า 3 คือ กรดไขมันชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ พอมากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลม่อน ปลาแม็คเคอเรล (ที่เอามาทำปลากระป๋อง) ซึ่งให้น้ำมันปลาในบริเวณที่สูงมาก (“น้ำมันปลา” เป็นคนละประเภทกับน้ำมันตับปลา) จากการวิจัย โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันตั้งต้นที่จะสร้างเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ชื่อว่า EPA (ย่อมาจาก EICOSAPANTAENOIC ACID ) และ DHA (ย่อมาจาก DOCOSAHEXANOIC ACID) ซึ่งล้วนแต่จำเป็นต่อการทำงานที่สมบรูณ์ต่อร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ลดการตัวของเกล็ดเลือด ลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น และเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเซลล์สมอง และทำให้ดวงตาทำงานได้ดี และ DHA ยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและดวงตาของเด็กทารกในครรภ์อีกด้วย เด็กที่ขาด DHA จะทำให้สมาธิสั้น มัปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์ และการเรียนรู้ และในขณะเดียวกัน เมื่อเราอายุมากขึ้น เนื้อเยื่อสมองก็จะเริ่มเสื่อมถอย โอเมก้า 3 จะมีบทบาทช่วยซ่อมแซมเซลล์ประสาท ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย จึงถือว่าเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อคนในทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว
แม้ว่าปลาทะเลที่มาจากต่างประเทศจะมีราคาแพง แต่คนไทยเราก็มีปลาทะเลคุณภาพที่ทดแทนกันได้ เช่น ปลาทู ปลากะพง ปลาอีกา ปลาตาเดียว ในเนื้อปลาทู 100 กรัม จะมีโอเมก้า 3 ราว 2-3 กรัม ซึ่งโดยปกติแล้ว คนเราต้องการโอเมก้า 3 เพียงประมาณ 3 กรัมต่อวัน ในหนึ่งสัปกาห์เราควรกินปลาทะเลหรืออาหารทะเลชนิดอื่นๆ บ้างสัก 2-3 ครั้ง และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์
ขอบคุณวิชาการดอทคอม