กิน ‘เลือดจระเข้’ เสริมภูมิคุ้มกัน!?

 ‘เลือด’! ที่ไม่ขอให้คิดว่าเป็นเรื่องโหดร้าย แต่เป็นเลือดเพื่อสุขภาพมากกว่า โดยเฉพาะเลือดที่จะกล่าวถึงในวันนี้ ไม่ใช่เลือดมนุษย์ แต่เป็น ‘เลือดจระเข้’ ที่คนเราสามารถรับประทานได้

ด้วยภาพลักษณ์ของจระเข้ สัตว์กินเนื้อที่มีนิสัยดุร้ายชวนให้หนาว ๆ ร้อน ๆ เมื่อต้องเข้าใกล้ แต่สักกี่คนจะเคยสงสัยในกรณีที่จระเข้ต่อสู้กันด้วยคมเคี้ยวแล้วเกิดบาดแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ตามลำตัว ไม่นานแผลนั้นกลับหายสนิท ทั้ง ๆ ที่จระเข้ต้องอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อโรคมากมาย? แถมชาวจีนยังนิยมการรับประทานจระเข้เพราะเชื่อว่าช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้และโรคหอบได้

ข้อสงสัยดังกล่าวนำมาซึ่งการศึกษาของนักวิจัยหลายชาติและล่าสุดก็คือทีมนักวิจัยไทย ประกอบด้วย ยศพงษ์ เต็มศิริพงศ์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านจระเข้จนได้รับการขนานนามให้เป็น ดร.คร็อก ร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล เกษตรศาสตร์ และขอนแก่น

ในเบื้องต้นสามารถใช้ประโยชน์จากเลือดจระเข้ 100% ในรูปแบบผงแห้งบรรจุแคปซูล ทั้งยังผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา เนื่องจากเลือดจระเข้ที่นำมาผลิตนั้นเจาะดูดจากจระเข้ที่เลี้ยงในฟาร์มปิด เป็นจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย อายุ 3-4 ปี เลือดที่ใช้จะผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อแบบพาสเจอร์ไรเซชั่น แล้วนำไประเหิดแห้งด้วยการฟรีส-ดราย และบรรจุใส่แคปซูล

แคปซูลเลือดจระเข้นั้นอุดมไปด้วยโปรตีน และธาตุเหล็ก มีสรรพคุณช่วยบำรุงโลหิตเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจางเพราะขาดธาตุเหล็ก ทั้งยังช่วยบำรุงร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

ขณะนี้ทีมนักวิจัยไทยดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและทดลองประโยชน์ของเลือดจระเข้ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย จากสารออกฤทธิ์ที่มีการตั้งชื่อว่า ‘คร็อกคอซินส์ แฟมิลิน’ เต็มไปด้วยเปปไทด์หรือโปรตีนสายสั้น ๆ สามารถต้านการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ทำลายเชื้อแบคทีเรียอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างน้อย 6 ชนิด

หากสิ่งที่กำลังศึกษาประสบผลสำเร็จ จะเป็นการเพิ่มช่องทางในการรักษาโรคทางเดินอาหาร โรคผิวหนัง แต่ที่น่าจะเห็นได้ชัดเพราะเป็นรูปธรรมคือสารต้านโรคในเลือดจระเข้จะกลายมาเป็นยารักษาแผลติดเชื้อ แผ่นปิดแผลป้องกันการอักเสบติดเชื้อ หรือครีมทาผิวป้องกันเชื้อโรคสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน.