กฟผ.-ก.วิทย์เตรียมฟื้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
รัฐบาลไฟเขียวแผนพลังงานชาติ
กำหนดให้ศึกษาแนวทางสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 โรงใน 14 ปี กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ควงคู่ กฟผ.เร่งศึกษาข้อมูลต่างประเทศ หาเทคโนโลยีที่ปลอดภัยที่สุด
ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า
ประเทศไทยมีความสนใจเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และกำลังอยู่ในช่วงศึกษาเทคโนโลยีจากประเทศที่มีศักยภาพด้านนี้ โดยเลือกศึกษาดูงานเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นและประเทศรัสเซีย ขณะที่ทั่วโลกมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ประมาณ 224 โรง และจะเพิ่มขึ้นทุกปี ไม่เว้นกระทั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม อินโดนีเซียและมาเลเซีย ที่ต่างก็มีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ล่าสุดคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกับแผนพลังงาน PDP 2007
ที่จัดทำโดยกระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยส่วนหนึ่งของแผนดังกล่าวให้ความสำคัญกับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยตั้งเป้าที่จะสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวให้มีกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ ให้ได้ 2 โรงในอีก 14 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ให้ได้ 10% ของพลังงานที่ใช้ในประเทศ
เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์สำหรับประเทศ
ยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย
โดยปัจจุบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่ใช้ทั่วโลกแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
ระบบเตาปฏิกรณ์แบบต้มน้ำ (BWR) และ
ระบบผลิตน้ำภายใต้ความดัน (PWR)
ไทยจำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียดและคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุด
กฟผ.ยันเทคโนโลยีปลอดภัยสูง
นายนพพล มิลินทางกูร ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยสนใจพลังงานนิวเคลียร์มาประมาณ 30 ปี โดยศึกษาความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ ศึกษาเลือกสถานที่ก่อสร้างโรงงาน ตลอดจนตรวจสอบความปลอดภัยจากทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)
แต่โครงการดังกล่าวต้องยุติลง เนื่องจากมีกลุ่มคัดค้าน
เพราะเกรงผลประทบด้านความปลอดภัย แต่แท้จริงแล้วเทคโนโลยีมีความปลอดภัยสูง จากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในทวีปยุโรป รวมถึงเอเชีย อย่างประเทศญี่ปุ่น
เทคโนโลยีนิวเคลียร์คุ้มค่าต่อการลงทุน
เนื่องจากเชื้อเพลิงที่ใช้ คือ ยูเรเนียม 235 ซึ่งขุดได้ในธรรมชาติ มีจำนวนมากพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน นอกจากนี้กากของแร่ยูเรเนียมสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จนกว่าจะเสื่อมสภาพ แร่ดังกล่าวมีอายุการใช้งานนานประมาณ 2 ปี" นายนพพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลด้านความปลอดภัย ในการทิ้งกากยูเรเนียมที่เสื่อมสภาพแล้ว
ปัจจุบันประเทศที่ใช้เทคโนโลยียังคงเลือกวิธีการกำจัดด้วยการฝังดินเพื่อรอเทคโนโลยีในการกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
ขอขอบคุณ ข้อมูลที่มีประโยชน์จาก เว็บไซต์ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ
เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้บนโลกอินเตอร์เน็ต
ผู้มีบทความทางด้านวิทยาศาสตร์น่ารู้
สามารถส่งผลงานของท่านมาได้ที่ arunee@teeneemedia.com