ฟัง ไซแมนเทค ยักษ์ใหญ่ในวงการแอนตี้ไวรัส แอนตี้มัลแวร์ระดับโลก บอกเล่าเรื่องปัญหาสปายแวร์ในบ้านเราแล้วน่าตกใจ
เพราะเขาบอกว่า คอมพิวเตอร์ในบ้านเราถูกแอบติดตั้งสปายแวร์ไว้มากเป็นอันดับ 9 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ถ้านับแค่เฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน
เรื่องนี้น่าตกใจครับแต่ไม่น่าแปลกใจ เพราะตอนนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ยอมรับกันออกมาแล้วว่า ปัญหาใหญ่ของคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องของไวรัสแล้วครับ แต่เป็นเรื่องของ 'สปายแวร์' นี่แหละ
อินเตอร์เน็ตทำให้โลกเราเชื่อมต่อกันได้ใกล้ชิดมากขึ้นแต่ก็ก่อปัญหาให้กับเราได้มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน
ที่ผมบอกว่าน่าตกใจนั้น เป็นเพราะแต่ก่อนนี้ สปายแวร์ แค่ทำให้เราหงุดหงิดรำคาญใจเฉยๆ พักหลังนี้ มันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของพวกมิจฉาชีพที่ทำมาหากินกันเป็นล่ำเป็นสันในการแอบดูดเอา 'อัตลักษณ์' ของเราไปใช้ อาทิ หมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขบัญชี พาสเวิร์ดสำหรับทำธุรกรรมอะไรต่อมิอะไรต่างๆ
ตอนนี้มี สปายแวร์ หรือที่บางคนเรียกว่า มัลแวร์ เหล่านี้อยู่ประมาณ 2.3 ล้านตัว อาละวาดสิงสู่บรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย เพื่อคอยสอดแนมความลับในคอมพิวเตอร์ของเรา ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ประเมินกันว่าในจำนวนคอมพิวเตอร์ทั่วโลกในเวลานี้มีเพียงแค่ 4 เครื่องใน 5 เครื่องเท่านั้นที่ติดตั้งโปรแกรมต่อต้านไวรัส-สปายแวร์ ที่สำคัญก็คือ มีเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นที่พยายาม 'อัพเดต' โปรแกรมต่อต้านไวรัสที่ว่าให้ทันสมัยอยู่เสมอ
แต่ถึงจะติดตั้งและอัพเดตอยู่เสมอก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ตามสถิติเขาบอกว่าถึงจะทำอย่างที่ว่านี้แล้วก็ยังคงมีเครื่องคอมพิวเตอร์ราว 70 เปอร์เซ็นต์ ติดไวรัส, หนอน, โทรจัน และสปายแวร์จำพวก คีย์สโตรก ล็อกเกอร์ (สำหรับบันทึกการกดแป้นคีย์บอร์ดของเราแล้วส่งกลับไปหาผู้ติดตั้ง)
สปายแวร์ในปัจจุบันนี้นอกจากมีพฤติกรรมอันตรายมากขึ้นแล้ว
ยังก๊อบปี้ตัวเองและ 'กลายพันธุ์' ได้เร็วกว่าการพัฒนาของซอฟต์แวร์ต่อต้านมัลแวร์ทั้งหลายอีกต่างหาก ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าพวกนี้คิดและเปลี่ยนแปลงสปายแวร์ของตัวเองเร็วมากจนทำให้การต่อต้านล้าหลังอยู่ราวเดือนหรือสองเดือนเลยทีเดียว
เราคงตัดคอมพิวเตอร์ของเราจากอินเตอร์เน็ตไม่ได้แน่ ความเป็นจริงที่ว่านี้ทำให้เทคนิคเก่าๆ อย่างหนึ่งซึ่งคิดค้นขึ้นเมื่อราว 20-30 ปีที่ผ่านมากลับมาฮิตอีกครั้งในฐานะเป็นเครื่องมือในการปกป้องตัวเราจากพวกมิจฉาชีพทั้งหลายที่ใช้สปายแวร์เป็นเครื่องมือทำมาหากิน นั่นคือ การทำเวอฌ่วลไลเซชั่น ที่คิดค้นโดย ไอบีเอ็ม ในราวทศวรรษ 1960 ครับ