2. การรักษาเพื่อบรรเทาอาการ ใช้ในกรณีที่เป็นมะเร็งระยะแพร่กระจายเป็นส่วนใหญ่ และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จะเป็นการยืดอายุผู้ป่วยให้สบายขึ้นชั่วคราวเท่านั้น
ผลข้างเคียงและอาการพิษของเคมีบำบัด (ยาเคมีบำบัดแต่ละตัวไม่จำเป็นต้องมีผลข้างเคียงเหมือนกัน)
1. พิษต่อไขกระดูก ยาจะไปกดไขกระดูกทำให้การสร้างเม็ดเลือดผิดปกติ เลือดจาง เม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อ
2. พิษต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้ผนังหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และอาจขาดเลือดมาเลี้ยงบางส่วน
3. พิษต่อระบบหายใจ อาจทำให้ทางเดินหายใจและเนื้อเยื่อปอดอักเสบ
4. พิษต่อระบบทางเดินอาหาร อาจส่งผลกระทบต่อการอักเสบตลอดทางเดินอาหารจากปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้ ไปจนถึงทวารหนัก นอกจากนี้การอักเสบอาจเกิดเป็นแผล มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ท้องเดิน พิษต่อตับและตับอักเสบได้
5. พิษต่อระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้เกิดการอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด เนื้อไตเกิดการเปลี่ยนแปลง และอาจเกิดไตวายชนิดเฉียบพลัน
6. พิษต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้บริเวณปลายประสาทเกิดการอักเสบ ปลายมือและปลายเท้าเกิดอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย และเมื่อพิษซึมเข้าสู่ประสาทส่วนกลางจะมีอาการซึมและชัก
7. พิษต่อระบบสืบพันธุ์ จะส่งผลไปกดการทำงานของอัณฑะและรังไข่ ประจำเดือนอาจหายไประยะเวลาหนึ่งรวมถึงเป็นหมันชั่วคราว สำหรับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ 3 เดือนแรกอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของทารกในครรภ์ทำให้แท้งและคลอดก่อนกำหนด หรือทำให้ทารกพิการได้ ด้วยเหตุนี้จึงห้ามหญิงมีครรภ์รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด โดยเฉพาะใน 3 เดือนแรก
8. พิษต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหยาบ มีสีคล้ำ ผมและขนร่วง
9. พิษต่อหู ทำให้หูอื้อ หูหนวก
10. พิษเฉพาะที่ ซึ่งเคมีบำบัดชนิดที่ระคายเคืองต่อหลอดเลือดอาจเกิดการอักเสบ และถ้าออกนอกเส้นเลือดอาจทำให้เนื้อเยื่อตาย และเป็นแผลได้
11. พิษทั่ว ๆ ไป จะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัวหรือปวดข้อ มีไข้ เป็นต้น
12. กดการสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ
ที่มา : ผศ.นพ.วิเชียร ศรีมุนินทร์นิมิต ภาควิชาอายุรศาสตร์