ผลไม้ไทย ต้านโรคมะเร็ง
นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการที่กรมอนามัยทำการศึกษาผลไม้ ที่มีบริโภคในประเทศไทย 83 ชนิด
ในปริมาณส่วนที่รับประทาน 100 กรัม พบว่า ผลไม้ที่พบสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ
- มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 873 ไมโครกรัม
- รองลงมา ได้แก่ มะเขือเทศราชินี 639 ไมโครกรัม
- มะละกอสุก 532 ไมโครกรัม
- แคนตาลูปเหลือง 217 ไมโครกรัม
- มะปรางหวาน 230 ไมโครกรัม
- มะยงชิด 207 ไมโครกรัม
- สับปะรดภูเก็ต 150 ไมโครกรัม
- แตงโม 122 ไมโครกรัม
- ส้มสายน้ำผึ้ง 101 ไมโครกรัม
- และลูกพลับ 93 ไมโครกรัม
สำหรับผลไม้ที่มีวิตามินอีสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
- ขนุนหนัง 2.38 มิลลิกรัม
- มะขามเทศ 2.29 มิลลิกรัม
- มะม่วงเขียวเสวยดิบ 1.52 มิลลิกรัม
- มะเขือเทศราชินี 1.34 มิลลิกรัม
- มะม่วงเขียวเสวยสุก 1.23 มิลลิกรัม
- มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 1.1 มิลลิกรัม
- มะม่วงยายกล่ำสุก 0.97 มิลลิกรัม
- กล้วยไข่ 0.47 มิลลิกรัม
- แก้วมังกรเนื้อสีชมพู 0.59 มิลลิกรัม
- สตรอเบอร์รี่มี 0.54 มิลลิกรัม
ส่วนผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ
- ฝรั่งกลมสาลี่ 187 มิลลิกรัม
- ฝรั่งไร้เมล็ด 151 มิลลิกรัม
- มะขามป้อม 111 มิลลิกรัม
- มะขามเทศ 97 มิลลิกรัม
- เงาะโรงเรียน 76 มิลลิกรัม
- ลูกพลับ 73 มิลลิกรัม
- สตรอเบอร์รี่ 66 มิลลิกรัม
- มะละกอแขกดำสุก 55 มิลลิกรัม
- พุทราแอปเปิ้ล 47 มิลลิกรัม
- ส้มโอขาวแตงกวา 48 มิลลิกรัม
และจากการศึกษากล้วยต่างๆ 24 สายพันธุ์ พบว่า
- กล้วยไข่พม่ามีสารเบต้าแคโรทีนสูงสุด 528 ไมโครกรัม
- รองลงมาคือ กล้วยงาช้าง 520 ไมโครกรัม
- กล้วยไข่โนนสูง 397 ไมโครกรัม
- กล้วยนางพญา 393 ไมโครกรัม
- กล้วยไข่ 271 ไมโครกรัม
- กล้วยหักมุกนวล 270 ไมโครกรัม
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า ปกติเราจะได้รับสารอาหารทั้ง 3 ชนิดจากการรับประทานอาหารโดยทั่วไปน้อย
เพราะถูกทำลายได้ง่ายจากความร้อน จึงต้องเพิ่มการรับประทานผลไม้และผักสดด้วย
โดยแนะนำให้รับประทานอาหารให้หลากหลายชนิดและให้ได้สัดส่วนตามธงโภชนาการ
โดยใน 1 วันคนเราควรบริโภคผลไม้ ให้ได้วันละ 4 ส่วน โดย 1 ส่วนของผลไม้ หากเป็นผลไม้ขนาดเล็ก เช่น องุ่น ลิ้นจี่ ลำไย เท่ากับ 6-8 ผล, ผลไม้ขนาดกลาง เช่น ส้ม ชมพู่ กล้วย น้อยหน่า เท่ากับ 1-2 ผล
ส่วนผลไม้ขนาดใหญ่เช่น แตงโม สับปะรด มะละกอ จะเท่ากับ 6-8 ชิ้นพอคำ อย่างไรก็ดี ในกลุ่มที่ต้องคุมปริมาณน้ำตาล
โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน อาจต้องเลือกผลไม้ที่รสไม่หวาน ในอเมริกาได้แนะนำให้ผู้ชายบริโภคแคโรทีนอยด์วันละ 6 มิลลิกรัม
ในคนไทยแนะนำให้บริโภควิตามินอีวันละ 6-15 มิลลิกรัม และวิตามินซีวันละ 40-90 มิลลิกรัม