เมื่อลูกรักเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ปัญหาที่พ่อแม่หลายท่านกังวลใจคงหนีไม่พ้นปัญหาความรักความใคร่ของเด็กวัยนี้ ซึ่งจากข่าวที่ผ่านมาพบว่าเมื่อเด็กวัยรุ่นมีปัญหาที่เกี่ยวกับความรักความใคร่มักหาทางออกไม่ได้หรือใช้วิธีแก้ไขที่ผิดๆ พ่อแม่จึงควรเสริมสร้างสิ่งสำคัญที่เรียกว่า คุณค่าในตนเอง ให้เกิดขึ้นในเด็ก เพื่อการเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องของ เพศศึกษา ได้ดียิ่งขึ้น
ในงานกิจกรรมห้องเรียนพ่อแม่ เรื่อง เรื่องรักเรื่องใคร่ในวัยรุ่น...เลี้ยงลูกให้ดีมีวัคซีนใจ จัดโดยมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก และอุทยานการเรียนรู้ TK park นายแพทย์สุกมล วิภาวีพลกุล จิตแพทย์ประจำคลินิกครอบครัวและสุขภาพทางเพศ โรงพยาบาลพญาไท 2 ให้ความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ปกครอง ในการเลี้ยงดูเด็กให้ปลอดภัยจากภัยทางเพศหรือมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม เพื่อที่เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมในการดำเนินชีวิต โดยการสร้าง วัคซีนใจ 3 ประการ ให้เกิดขึ้นในการเลี้ยงดู ได้แก่
1. วุฒิภาวะ (Maturity) คือความสามารถในการยับยั้งชั่งใจหรือควบคุมอารมณ์ความต้องการของตนเอง
- เมื่อลูกอยากได้อะไร ต้องพูดคุยกันว่าจำเป็นหรือไม่ ถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ก็ต้องยอมรับว่าไม่ควรได้ ไม่ควรมี ควรสอนถึงการแยกแยะระหว่าง สิ่งที่จำเป็น กับ สิ่งที่อยากได้
- หากจำเป็นแต่มีข้อจำกัด ควรหาทางออกอย่างอื่นเพื่อตอบสนองเท่าที่ทำได้ ถ้าไม่มีเงิน ไม่จำเป็นต้องซื้อหามาเป็นเจ้าของเสมอไป เราสามารถเช่าหรือใช้บริการจากแหล่งบริการมากมายที่มีในสาธารณะ
- ถ้าจำเป็นต้องมีต้องได้ อย่าเพิ่งรีบซื้อให้ทันที ต้องฝึกให้เด็กรู้จักการรอ หรือตั้งเงื่อนไข ให้เป็นรางวัล ถือเป็นการฝึกวินัยในตนเอง
เมื่อลูกอยากได้อะไร แล้วพ่อแม่ตอบสนองหามาให้ในทันที เด็กจะไม่รู้จักเรียนรู้ที่จะรอ เขาจะเคยชินต่อการตอบสนองความต้องการของตนเอง หากในวัยเด็กเขาไม่ได้รับการฝึกให้ควบคุมความต้องการของตนเอง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเขาก็ไม่เรียนรู้ที่จะยับยั้งชั่งใจในเรื่องทางเพศเป็นผลตามมา
ผู้ใหญ่จำเป็นต้องเป็นตัวอย่างของการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ไม่ถูกครอบงำด้วยกระแสบริโภคนิยมเสียก่อน ไม่ถูกชักจูงง่ายจากสื่อโฆษณา...เด็กจึงจะ เลียนและรู้ รูปแบบของการใช้ชีวิตที่ไม่เน้นการแสวงหาวัตถุเพื่อสร้างความสุขให้แก่จิตใจ
2. ความนับถือตนเอง (Self-esteem) คือการตระหนักรู้ในคุณค่าที่มีในตนเอง นำไปสู่ความภาคภูมิใจ หรือ ความรักในตนเอง รักตัวเองให้เป็น ก็ต้องเห็นตัวเองให้ชัด วิธีการในการเลี้ยงลูกให้พัฒนาความนับถือตนเองมี 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- รู้ศักยภาพของตนเอง ว่ามีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ เรียนวิชาไหนแล้วชอบหรือมีความสุข ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีลักษณะนิสัยหรือศักยภาพไม่เหมือนกัน การเลี้ยงดูหรือการศึกษาจึงต้องพัฒนาความสามารถให้ตรงกับตัวเด็กมากที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือหรือเลือกคณะวิชาไปตามกระแสค่านิยมของสังคม ซึ่งอาจไม่ตรงกับใจตัวเอง
- กำหนดจุดมุ่งหมายของชีวิต คุณสมบัติของจุดมุ่งหมายนั้นต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่างคือ มีความทัดเทียมกับศักยภาพของตนเอง ไม่สูงหรือต่ำเกินไป ถ้าสูงเกินไปก็เป็นฝันกลางวัน ถ้าต่ำเกินไปก็เป็นการดูถูกตัวเอง และต้องกำหนดเป็นมโนภาพในใจว่าในอนาคตโตขึ้นเราอยากเป็นอะไร...บังเกิดเป็นแรงดลบันดาลใจ มีพลัง
- ขยัน มุมานะพากเพียรพยายาม เพื่อเป็นพลังหรือแรงขับดันให้ชีวิตมุ่งมั่นสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ ตรงข้ามกับความขี้เกียจหรือรักสนุก ชอบสบาย
การพัฒนาทั้งสามขั้นตอน จะนำไปสู่ความสำเร็จ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงความภูมิใจในตนเอง นำไปสู่สภาวะจิตที่สูงส่ง และไม่ดึงชีวิตตนเองไปสู่ความเสื่อม เช่น เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน ติดยาเสพติด มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน ฯลฯ หากเด็กยังไม่เห็นถึงความสามารถของตนเอง พ่อแม่จำเป็นต้องเป็นผู้ช่วยสังเกต โดยการให้เวลาใกล้ชิดและรับฟังสิ่งที่เขาเปิดเผย แทนการคิดว่าลูกจะต้องรับฟังและเชื่อฟังเราฝ่ายเดียว
3. การแสวงหาความสุขในชีวิต ความสุขมีรูปแบบที่หลากหลาย แบ่งเป็น 4 ระดับ เรียกว่า 4 ระดับของความสุข จากสนุกสู่สงบ
- มีกิจกรรมสนุกสนานจากกิจกรรมบันเทิง ได้รับความเอร็ดอร่อยจากการเสพทางตา หู จมูก ลิ้นและผิวหนัง...มักจำเป็นต้องซื้อหาด้วยเงิน หากไม่รู้จักควบคุมการเสพ ก็นำไปสู่ความทุกข์ร้อนเรื่องหนี้สิน
- การเสพสุนทรียภาพของงานศิลปะ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหามาเป็นเจ้าของ แต่ชื่นชมจนนำไปสู่ความปีติ อิ่มเอิบ เบิกบาน และเกิดแรงดลบันดาลใจในชีวิต
- ความสงบสบายจากการใกล้ชิดธรรมชาติ ท่ามกลางธรรมชาติ ย่อมโน้มนำใจให้ผ่อนคลาย สดชื่นและเย็นใจ พร้อมความรู้สึกสำนึกในบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ จนมิอาจคิดถึงเรื่องการทำลายหรือความโลภ
-การดำเนินชีวิตอย่างพิจารณา มีสติในกิจวัตรประจำวันและการทำงาน ในที่สุดเราจะบังเกิดความเข้าใจในสัจธรรมของชีวิต จนในที่สุดจิตของเราที่พัฒนาจนผ่อนคลายจากการยึดติดในสิ่งต่างๆ นำไปสู่การดำเนินชีวิตไม่เป็นทุกข์
พ่อแม่จะสร้างความสุข 4 ระดับนี้ให้เกิดขึ้นได้ในครอบครัวในทุกครั้งที่มีโอกาส โดยเมื่อถึงวันหยุดพ่อแม่อาจพาลูกไปท่องเที่ยวตลาดน้ำ สวนเกษตร หรือแหล่งที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ลูกจะได้เห็นและสัมผัสถึงวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่าง ก่อให้เกิดการผ่อนคลาย สงบและสดชื่นแก่ร่างกายและจิตใจ รวมถึงเป็นการย้ำความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น
สิ่งที่ก่อให้เกิดคุณค่าในตนเองและสอนถึงเพศศึกษาที่ดีที่สุด ก็คือ ความรัก ที่เกิดในครอบครัว การให้ลูกได้เห็นความรักความผูกพันที่พ่อและแม่มีต่อกัน ให้ลูกเติบโตขึ้นมาภายใต้ความรัก ความอบอุ่น ความผูกพัน ของผู้ชายที่เป็นพ่อและผู้หญิงที่เป็นแม่ ลูกย่อมรับรู้และสัมผัสได้ว่า ความรักที่ดีงาม ความรักที่ปลอดภัย เป็นอย่างไร และน่าภาคภูมิใจเพียงใด
ขอขอบคุณบทความ จาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด