keyworld การเรียนเก่ง

Keyword การ "เรียนเก่ง" เป็นอีกแนวความคิดนึงที่หลาย ๆ คนอาจจะลืมไปแล้วก็ได้... (ยาวหน่อย แต่ขอร้องอ่านให้จบนะ อ่านจบแล้วค่อยว่ากันอีกที) ไม่พอใจเมลล์มาด่าได้ ทิ้งไว้ให้ อิอิ

อันดับแรกมาเริ่มคิดกันก่อนว่าอะไรคือ สิ่งสำคัญในการเรียน(รู้)

อ๊ะ ๆ !!! ลืมไปได้เลยถ้ากำลังคิดว่า ครูที่ดี ห้องเรียนที่ทันสมัย สภาพแวดล้อมที่ดี ฯลฯ สารพัด โปรดจำไว้ก่อนเลยว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จคือ "ความอยากรู้" ครู เพื่อน สภาพแวดล้อมไม่ได้ทำให้เราเก่งหรอก แต่สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราเกิด ความอยากเรียนรู้ มากกว่า ลองคิดเล่น ๆ นะครับ คิดเล่น ๆ ว่า ถ้าครูที่เก่ง ๆ และผองเพื่อนที่ดี ทำให้เราเรียนเก่ง งั้นคนที่ ครูไม่เก่ง ไม่ดัง เพื่อนไม่ดี กลาง ๆ เฉย ๆ ก็ไม่มีโอกาสเก่ง งั้นหรอกเหรอ ???



เอาหละที่นี้ ความอยากรู้ ช่วยให้เรียนเก่ง งั้นเหรอ ?? จริงอ๊ะ ?? ทำไมหละ ??

จริงคับ!!! "ความอยากรู้" เป็นบ่อเกิดของหลาย ๆ สิ่งที่ส่งเสริมการเรียน(รู้)ของเราเอาแบบง่าย ๆ เลยนะ

1. ความอยากรู้ทำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เราอยากรู้เราก็จะทำทุกวิธีทางเพื่อให้อยากรู้ เช่น อยากซ่อมคอมพ์เป็น (เราเกิดความอยากรู้แล้ว) เราก็จะหาทางเรียนรู้ด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ทั้งถามผู้รู้ ดูเค๊าแล้วจำมาลองบ้าง ฯลฯ เป็นต้น

2. ความอยากรู้ทำให้เรามีความมุ่งมั่น ความมุ่งมั่นเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ และอยู่ดีดีมันก็ไม่ได้จะเกิดขึ้นมา ใช่แล้ว!!! มันต้องมีตัวกระตุ้น (สิ่งเร้า ซึ่งก็คือ ความอยากรู้) ความมุ่งมั่นจะทำให้เรามีสมาธิและความตั้งใจ ซึ่งสมาธิและความตั้งใจนี่เองที่จะทำให้เรารับสิ่งที่เราเรียนรู้ได้มากกว่า 80% (ที่ไม่เต็ม 100% ก็เพราะคุณคงจะจำทุกสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ได้หมดหรอกนะ สมาธิและความตั้งใจจะทำให้คุณสงบ จิตไม่ฟุ้งซ่าน สมองของคุณจึงสามารถคิดวิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูลที่เห็นว่าจำเป็น สำคัญ!! เอาไว้)

3. ความอยากรู้ทำให้เรามีความสนุกกับการเรียน เรียนเนี่ยนะ!!! โอ้วแม่เจ้า น่าเบื่อจะตาย จะสนุกได้อย่างไร ?? หลายคนอาจคิดแบบนี้ แต่ลองคิดใหม่นะคับ เมื่อเราอยากรู้ (คิดตามเลยครับ สมมติว่าตัวเองอยากรู้อ่ะไรซักอย่าง) อยากรู้ ๆ ๆ ๆ เหมือนกันกับที่เวลามีเพื่อนมาถามอะไรให้ค้างคาใจ เราก็อยากรู้คำตอบ (อย่าคิดว่าเครียดดิเว้ย ถาม ๆ กู แล้วไม่เฉลยซักที ชาตินี้กูจะรู้มั๊ย!!! นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ) ความสนุกมันเริ่มต้นตั้งแต่คุณเริ่มหาวิธีค้นหาคำตอบที่คุณ "อยากรู้" ไปจนถึงคุณได้"รู้" นั่นแหละจึงจะเป็นความสนุกในการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ หากขาดข้อ 2 คุณจะทำไม่สำเร็จ แล้วคุณก็จะเครียดเหมือนกันที่ผม วงเล็บไว้ข้างต้น (เวลาทำอะไรความสำเร็จไม่ได้อยู่ระหว่างทางจริงไหมครับ ความสำเร็จรอคอยผู้ชนะอยู่ที่ปลายทางเสมอ ส่วนสิ่งที่ผ่านเข้ามาสองข้างทางนั่นเค้าเรียนกันว่า "ประสบการณ์")

อ่านครบ 3 ข้อแล้วคงพอเห็นแนวทางมาบ้างหรือยังคับ แต่หลายคนอาจบอกว่า "อ้าวก็ถ้าไม่ชอบหละ แต่ต้องเรียน จะทำไง ทำใจให้อยากรู้ไม่ได้อ๊ะ" ใช่ครับ นี่เป็นปัญหาทั่ว ๆ ไปของนักเรียนส่วนใหญ่ ลองเปลี่ยนวิธีคิดเถอะครับ มะ มา ลองเปลี่ยนกันดู

การทำอะไรจะให้ประสบความสำเร็จย่อมต้องเกิดจากการคิดเป็นอันดับแรก คนที่พูดก่อนคิด พบเห็นได้ทั่วไปเวลามีคนทะเลาะกัน คนที่ทำก่อนคิด ก็พบเห็นได้ทั่วไปตามเรือนจำต่าง ๆ เห็นมั๊ย ความคิด สำคัญนะ (เหมือนที่บอกไว้ไง ถ้าเราคิดอยากรู้ มันก็จะได้รู้อย่างถูกต้อง รู้จริง รู้ไม่ลืม เก๊าะกูอยากรู้นิ เมื่อรู้แล้วจะเสือกลืมอีกทำไมหละ จริงมะ !!!!)

ตอนนี้ปัญหาของเราอยู่ที่ "ทำไงให้อยากเรียน อยากรู้ในสิ่งที่ไม่ชอบ เพื่อให้เราเก่งอย่างแท้จริง อย่างสมบูรณ์แบบ"

อันดับแรก อยากให้รู้ไว้อย่างว่า โลกได้ซ่อนความสำเร็จไว้ให้กับคนที่รู้จัก "ฝืน" เท่านั้น หลายคนอาจงงว่า เอ๊ะ ยังไง ฝืนแล้วมันดีตรงไหน จะบ้าเหรอ !!!

ไม่บ้าหรอกคับ ลองคิดตามดูนะครับ ว่าคนที่เค๊า เรียนเก่ง หรือ ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ นั้น เขาทำตามใจตัวเขาเองงั้นเหรอ เขาไม่ต้อง"ฝืน"ทำอะไรซักอย่างเดียวเชียวหรือ ?? ผมเชื่อว่าคงได้คำตอบเดียวกันว่า.....ไม่ และในขณะเดียวกันคนที่ล้มเหลวกับหลายสิ่งหลายอย่าง เรียนไม่จบ ถูกไล่ออกด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา เขาฝืนใจเขาทำหรือ??? หรือเป็นเพราะเขาลืมตัว ลืมคิดก่อน จึงทำไปตามความรู้สึก ความต้องการของตัวเอง โดนไม่แม้แต่จะคิดที่จะ "ฝืน"

ใช่ไหมครับ !!! เริ่มคิดเข้าที่เข้าทางละ การตามใจตัวเองไม่ได้ทำให้เราได้ดี หรือประสบความสำเร็จหรอก มีบ้างที่ต้อง "ฝืน" แม้จะเป็นการยากลำบากก็ตาม แต่อย่างที่บอก ความสำเร็จอยู่ที่ปลายทางเสมอ อดทน ครับ!!! จนว่าจะถึงปลายทาง

จริง ๆ แล้ววิธีแก้ถ้าคิดอย่างง่าย ๆ ก็คือ เราต้อง...ใช่แล้วคับอย่างที่คุณคิดแหละ..." ฝืน " เป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่ จะต้อง " ฝืนทำด้วยความเต็มใจ " อย่า " ฝืนทำด้วยความฝืนใจ " อ้าว ฝืนก็คือฝืน ไอนี่พูดยังไงของมันวะ.... ใจเย็น ๆ คับ ผมถึงเกริ่นไว้ไงคับว่า ถ้าเปลี่ยนความคิดซะ ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไป อิทธิพลของความคิดนั้นยิ่งใหญ่นะครับ อย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างไปเมื่อซักครู่

มาลองคิดกันหน่อยดีกว่า ว่า ถ้าได้พรที่จะทำให้สบาย คุณจะรับมันไหม หลายคนคงตอบว่า.....รับ ซินะครับ (คนที่ไม่รับก็แค่ฟอร์มไปงั้นแหละ ไม่อยากจะเชื่อตามไอ้คนเชียน เอาความจริงคับ ๆ) เพราะทุกคนคงไม่อยากทุกข์ ไม่งั้นศาสนาจะสอนให้เราพบกับหนทางพ้นทุกข์ไปทำไม ต่อครับ แต่ถ้าจะรับพรนี้ มีข้อแม้ให้เลือกอีก 2 อย่าง คือ 1.สบายก่อน กับ 2.สบายที่หลัง จะเอาอันไหน คุณ ๆ ก็คงตอบอีกว่า......สบายที่หลังดิ ถ้าสลายก่อนแล้วลำบากทีหลังจะทำไง มิแย่เหรอ ยิ่งแก่ ๆ ด้วย ใช่ป่ะ!!!

เห็นไหมครับว่า ลำบากก่อน สบายทีหลังนั้น เป็นคำพูดที่คุ้นหูกันมากทีเดียว และมันก็เป็นจริงตามนั้นซะด้วย การฝืนก็เป็น 1 ในความลำบากในช่วงแรก ๆ เท่านั้นเอง ปลายทางมีอะไรดีดีรอเราอีกเยอะ ฝืน ไปเถอะครับ ฝืนทำไปด้วยความเต็มใจ เพราะเรารู้แล้วว่าสิ่งที่รออยู่ตรงปลายทางนั้นคืออะไร หยั่งงี้แล้วยังไม่เต็มใจทำก็ไม่รู้จะว่าไงละ

พล่ามมาซะเยอะ มาสรุปกันหน่อยดีกว่า เด๋วหาว่ามั่วซั่วอีก

1. การเรียนรู้สำคัญที่ "ความอยากรู้"

2. คนที่รู้จัก "ฝืน" เท่านั้นที่จะได้รับรางวัลจากโลกที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ใบนี้

3. ฝืน แต่จง " ฝืนทำด้วยความเต็มใจ "

4. ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้มาเปล่า ๆ เราโกงโลกไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่ว่าการกระทำหรือวิธีการของเรานั้น มันลดต้นทุนในการลงทุนไปเยอะแค่ไหน เพื่อให้ได้กำไรมากที่สุด

5. อิทธิพลของความคิด ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะประเมิณ เพราะฉะนั้นจงคิดก่อนอะไรต่อมิอะไรเป็นอันดับแรก

6. สุดปลายทางเดินที่แสนลำบาก มีความสุขรอเราเสมอ เพราะเราได้เรียนรู้ถึงความลำบากมามากพอแล้ว ที่เหลือก็มีแต่ความสุข โอ้วเยี่ยมจริง ๆ !!!!

7. เรียนเก่งไม่ได้ทำให้คุณเป็นพระเจ้า แต่มันทำให้คุณรู้มาก เหมือนกันเรามีของใช้เยอะแยะมากมาย จะทำอะไรก็สะดวกสบายแค่หยิบมาใช้

8. เรียนเก่งไมได้ทำให้คุณเหนือกว่าคนอื่นเลย ถ้าคุณคิดไม่เป็น คิดไม่ถูกต้อง

9. "ความคิดเปลี่ยนแปลงได้ได้ทุกสิ่งถ้ารู้จักคิด"

10. เราบังคับใครไม่ได้ เพราะทุกคนมีสมอง มีความคิดเป็นของตัวเอง ดังนั้นแล้วอย่าพยายามยัดเยียดความคิดของตนเองให้ผู้อื่น (เพราะถ้าคุณเจอแบบนี้ก็คงไม่ชอบเป็นแน่ จริงมะ !!!)

เครดิต... koto_ton@hotmail.com จ้ะ