ไขปริศนาภัยพิบัติประการที่ 10 แห่งนครอียิปต์
หากบัญญัติ 10 ประการคือข้อปฏิบัติอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทานมาให้ชาวยิว ซึ่งทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลุกปลอบขวัญและกำลังใจให้ชาวยิวมีความอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก มีความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดิม
ภัยพิบัติ 10 ประการที่เกิดขึ้นในยุคสมัยเดียวกัน ซึ่งเป็นมหันตภัยจากพระเจ้า ก็คงเปรียบเหมือนคำสาปที่จะมีผลทางด้านร้ายกับผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตาม เหมือนดังที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์
พระธรรมอพยพได้บรรยายถึงภัยพิบัติทั้ง 10 ประการไว้ว่า ในเวลานั้นแม่น้ำไนล์ที่หล่อเลี้ยงชาวอียิปต์ได้กลายเป็นสีเลือด เกิดการแพร่ระบาดของกบ ริ้น เหลือบและตั๊กแตน ฝูงสัตว์ล้มตายโดยไร้สาเหตุ เกิดฝีพุพองขึ้นบนตัวคน เรื่อยไปจนถึงพายุลูกเห็บที่มาสร้างความหายนะ และความมืดสามวันสุดท้าย เมื่อฟาโรห์ยังขัดขืนความต้องการของพระเจ้า
ภัยพิบัติข้อสุดท้ายคือสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดใน 10 ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น เพราะพระเจ้าไม่เพียงประหารชีวิตบุตรชายหัวปีของทุกครอบครัวในอียิปต์เท่านั้น แม้แต่ อามุน-เฮอร์-เคเปเซฟ โอรสองค์โตของฟาโรห์ราเมเสสเองก็หนีไม่พ้นคำสาปนี้ด้วยเช่นกัน
แต่การค้นพบของศาสตราจารย์ เคนท์ วีคส์ นักอียิปต์วิทยาผู้มีชื่อเสียงระดับโลกเมื่อพฤศจิกายน 2547 กำลังจะทำให้หน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลต้องเปลี่ยนแปลงไป หลังจากวีคน์ออกมาประกาศว่า หัวกะโหลกที่เขาพบในอุโมงค์ KV5 ซึ่งเป็นอุโมงค์ฝังศพที่สาบสูญขนาดมหึมาในหุบเขาแห่งกษัตริย์ อาจจะเป็นของโอรสองค์โตของราเมเสส มหาราช
กะโหลกที่เป็นปัญหานี้แสดงร่องรอยการตายเพราะความรุน แรง จนทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า “เป็นไปได้ไหมว่าโอรสของราเมเสสไม่ได้ตายจากพระหัตถ์ของพระเจ้า...แต่ตายด้วยน้ำมือมนุษย์”
แม้พระคัมภีร์ไบเบิลจะไม่ได้มีการระบุถึงยุคสมัย แต่กษัตริย์ราเมเสสที่สองก็คือฟาโรห์ที่ทุกคนเชื่อว่าเขาคือ ผู้ที่โมเสสในฐานะตัวแทนของพระเจ้าเข้าไปกล่าวพระบัญชาให้ฟังตามที่พระธรรมอพยพกล่าวไว้ เพื่อบังคับให้ฟาโรห์ปล่อยทาสชาวฮิบรู
พระองค์ครองราชย์ตั้งแต่ปี 1278-1212 ก่อนคริสตกาล ขณะพระชนมายุ 22 พรรษา เป็นกษัตริย์องค์ที่สามของราชวงศ์ที่ 19 ของอียิปต์ ในยุคที่อาณาจักรใหม่กำลังรุ่งเรือง ยุคสมัยของราเมเสสถือเป็นช่วงที่อียิปต์มั่งคั่งและรุ่งเรืองยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาเมื่อหนึ่งศตวรรษก่อน แม้ว่าความเป็นอัจฉริยะทางการทหารที่พระองค์กล่าวอ้างนั้นจะไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด แต่พระองค์ก็สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศได้เป็นอย่างดี
ถึงจะมีเนเฟอร์ทารีสตรีผู้ได้ชื่อว่าเลอโฉมที่สุดในประวัติศาสตร์อียิปต์เป็นมเหสีหลวง แต่ฮาเร็มหลวงของราเมเสสกลับเต็มไปด้วยมเหสี ชายา และสนมถึง 200 คน และมีพระธิดาและโอรสมากกว่า 150 คน โดยมีอามุน-เฮอร์-เคเปเซฟ เป็นโอรสองค์โต
อามุน-เฮอร์ไม่เพียงอยู่ในฐานะมกุฎราชกุมารเท่านั้น เขายังเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไปด้วย จึงเป็นไปได้ว่าเขาอาจเป็นฟาโรห์ที่พยายามหยุดยั้งโมเสสและชาวอิสราเอลไม่ให้ข้ามทะเลแดง และอาจเสียชีวิตในศึกครั้งถัดไป
ขณะเดียวกันก็อาจเป็นไปได้ว่าในฐานะโอรสองค์โตของฟาโรห์ที่ถูกกล่าวถึงในพระธรรมอพยพ ความตายของพระองค์อาจเป็นผลมาจากภัยพิบัติร้ายแรงประการที่ 10 ตามที่พระคัมภีร์กล่าวถึงจริง
อัฐิที่ค้นพบบ่งชี้ว่าเขาอาจจะอายุมากกว่า 40 ปีขณะที่เสียชีวิต
ซึ่งกะโหลกนี้หากเป็นของอามุนเฮอร์จริงวิทยาการสมัยใหม่ก็สามารถระบุได้ว่าเขาตายด้วยสาเหตุใดจากรอยแตกบุ๋มที่ปรากฏอยู่ ซึ่งอาจเกิดขึ้น ณ เวลาเสียชีวิตและไม่มีร่องรอยของการเยียวยารักษา โดยรอยแตกนี้อาจเกิดจากวัตถุปลายแหลมทื่อกระแทกเข้าอย่างฉับพลัน
ดร.วีคส์และทีมงานของเขานำข้อมูลด้านบุพการีของอามุน-เฮอร์ โดยนำทั้งผลการทดสอบมัมมี่ราเมเสสที่มีนักวิทยาศาสตร์นับร้อยชีวิตร่วมศึกษาไว้ตั้งแต่ปี 1976 ณ กรุงปารีส ที่มีการ ทำมัมมี่ลักษณะพิเศษด้วยการใช้พริกไทยช่วยรักษารูปทรง ซึ่งเหมือนกับเซติ ราชบิดาของราเมเสส และเมเรนทร์พทาร์ โอรสของพระองค์ที่ขึ้นครองราชย์สืบต่อมาตรวจวิเคราะห์เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ และฐานะ
ขณะที่ ดร.แคโรรีน วิลกินสัน ผู้เชี่ยวชาญการจำลองภาพใบหน้า ได้พยายามเติมผิวหนังลงบนกระดูกเพื่อค้นหาใบหน้าที่แท้จริง โดยมีศาสตรา จารย์ซูซาน แบล็ค ผู้เชี่ยวชาญด้านมิติวิทยาศาสตร์ ชั้นนำ ทำหน้าที่วิเคราะห์กะโหลกเพื่อพยายามระบุอายุและสาเหตุการตาย