ไชน่า เดลี่ -เรื่องราวความรักของคนคู่หนึ่ง ที่ฝ่ามรสุมการเมืองและชีวิตส่วนตัว เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ กระทั่งได้มาพบกันอีกครั้ง ได้สมปรารถนาครองคู่ครองรักกันในยามไม้ใกล้ฝั่ง
สาวลูกครึ่ง แดนนี่ หลี่ กับ นายหยวน ตี้เปา พบกันที่เมืองหังโจวในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2496 แต่โชคชะตาทำให้เขาทั้งสองพรากจากกันไปไกลถึงคนละซีกโลก นานถึง 54 ปี และปาฏิหาริย์แห่งรักก็เกิดขึ้น นำพาพวกเขามาพบกันอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสองได้กลับมาครองรักแต่งงานกันในที่สุด ในวัยกว่า 80 ปี!
เรื่องราวตำนานรักของทั้งสอง ได้กลายเป็นข่าวยอดนิยมในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์จีน นอกจากนี้ บรรดาชาวเน็ตจีน ต่างยกย่องความรักของคู่รักคู่นี้ว่าเป็น “ความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก”
แดนนี่ หลี่ กล่าวว่า “มันเหมือนความฝัน ฉันไม่เคยคาดหวังว่าจะได้พบเขาอีกครั้ง”
หลี่ เกิดในปี 2469 ณ กรุงปักกิ่ง มีแม่เป็นชาวฝรั่งเศส และพ่อเป็นชาวจีน เมื่อเธออายุ 24 ปี ก็ได้เป็นอาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งในวิทยาลัยแพทยศาสตร์เจ้อเจียง ในเมืองหังโจว และด้วยความเชี่ยวชาญถึง 4 ภาษา คือ ภาษาจีน อังกฤษ รัสเซีย และภาษาฝรั่งเศส จึงทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
หยวน ตี้เปา นักศึกษาปีหนึ่ง รูปหล่อ วัย 25 ปี ผู้เป็นหัวหน้าชั้นเรียน และเป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชั้นเรียนภาษารัสเซียของหลี่ หยวนทั้งฉลาดและขยัน ซึ่งเขาพิสูจน์ด้วยการได้คะแนนสอบมากที่สุดในชั้นเรียน
“เขาเป็นคนดี ทั้งยังดีกับคนอื่นๆด้วย บรรดานักศึกษาและครูอาจารย์ล้วนชอบเขามาก” หลี่ รำลึกหยวนในช่วงวัยเรียน
ขณะที่ หลี่ เริ่มศึกษาถึงตัวตนของหยวน เธอก็พบว่า ทั้งหยวนกับเธอ มีสิ่งที่คล้ายกันอยู่มาก และความรู้สึกอันแสนอบอุ่นของหลี่ที่มีให้หยวน ก็ได้พัฒนาไปสู่ความรักอันแสนบริสุทธิ์ในที่สุด
ถึงแม้สังคมจะมองความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์เป็นเรื่องไม่ดีนัก ทั้งคู่ก็ยังสนิทสนมกัน โดยมีเพียงครอบครัวของหลี่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
ทุกๆครั้งที่หยวนไปขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนที่ห้องทำงานของหลี่ พวกเขาก็จะนัดกันต่อหลังเลิกเรียน
เมืองหังโจว ที่แห่งความรักอันแสนหวานปานน้ำผึ้ง
ที่หังโจว หยวนมักเดินไปส่งหลี่ที่บ้าน และแวะบ้านของหลี่ครู่หนึ่งเสมอ ครอบครัวของหลี่ก็มิได้ขัดขวางแต่ประการใด กลับต้อนรับชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์และมีความสุภาพอ่อนโยนนี้อย่างดี
เมื่อทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน หลี่มีความสุขหวานชื่น ขณะที่หยวน กลับสับสนว้าวุ่นอยู่ระหว่างความสุขและความรู้สึกผิด
“ฉันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาเก็บงำไว้” หลี่ เล่า
ในตอนนั้น สิ่งที่หลี่ไม่รู้ ก็คือ หยวนได้แต่งงานมีภรรยาแล้ว
ครอบครัวของหยวนได้จัดการให้เขาแต่งงานกับน้องสาวของเพื่อนที่บ้านเกิด ในเกาะกู้หลังอี้ว์ เมืองซย่าเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ก่อนที่หยวนจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ ในปี 2496
หยวนไม่ได้บอกหลี่ เรื่องที่เขาแต่งงานแล้ว
จนกระทั่งเมื่อปี 2497 ก่อนที่หยวนจะย้ายไปศึกษาต่อยังเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เขาจึงได้รวบรวมความกล้า และบอกกับหลี่ว่า
“ผมมีภรรยาแล้ว และจะต้องดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน”
หัวใจของหลี่ร้าวรานเมื่อได้ยินคำสารภาพของหยวน และแม้ว่าจะรักหยวนมากเพียงใด แต่ทั้งคู่ก็จำต้องแยกจากกัน
“ฉันไม่มีทางเลือก เราไม่ควรมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้หญิงที่เป็นผู้บริสุทธิ์อีกคน” หลี่ ให้ความเห็น
หลังจากนั้น หลี่และหยวนก็ไม่ได้พบกันอีก
จากกันไกลถึงซีกโลก...
ในปี 2499 หลี่ กับแม่ของเธอได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะออกจากประเทศจีน หลี่ได้เขียนจดหมายบอกลาหยวน
ทว่าไม่กี่วันต่อมา หยวนก็ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการส่งจดหมายอีกหลายฉบับ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มติดต่อกันผ่านทางจดหมายมาตลอด
โดยจดหมายจากหลี่ จะส่งไปถึงที่ทำงานของหยวน ขณะเดียวกัน หยวนก็เก็บจดหมายทุกฉบับของหลี่ไว้ที่บ้านญาติ เพื่อไม่ให้ภรรยารู้
หลี่ ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ในสังคมที่เธอไม่คุ้นเคยในประเทศฝรั่งเศส ประกอบกับใบรับรองคุณวุฒิทางการศึกษาของเธอก็ยังถูกปฏิเสธ อีกทั้งวัฒนธรรมที่แตกต่างจนทำให้เกิดความรู้สึกสับสน
หลี่ ได้เรียนรู้การเขียนชวเลข และการพิมพ์ดีด จนท้ายที่สุดก็ได้งานในตำแหน่งเลขานุการของบริษัทการค้าระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ขณะที่ หยวนก็สำเร็จการศึกษาและเริ่มทำงานในซย่าเหมิน
เนื้อความในจดหมายของทั้งสอง แทบจะไม่มีการระบายถึงความทุกข์ยากของแต่ละฝ่าย หยวนเล่าถึงความสุขที่ได้เป็นพ่อคน ขณะที่ หลี่ ก็ส่งนมผงสำหรับทารกและเสื้อผ้าเด็กมาให้ ซึ่งในขณะนั้นในประเทศจีนยังค่อนข้างขาดแคลนสินค้าดังกล่าว
เมื่อถึงช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม (2509-2519) จดหมายของหลี่ก็เริ่มถูกตีกลับ และเธอได้หยุดเขียนจดหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับหยวน แต่หลี่ ก็ไม่สามารถลืมหยวนได้
“ฉันไม่สามารถเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ได้ แม้ว่าจะมีหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตฉันก็ตาม ฉันพบว่าความรักของหยวน เป็นรักแท้ และรู้สึกถึงความพิเศษที่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้” หลี่ เผยความใน
ในปี 2519 ทันทีที่หลี่มั่นใจว่าความวุ่นวายจากการปฏิวัตวัฒนธรรมในประเทศจีนได้สงบลง เธอก็เขียนจดหมายส่งไปยังที่ทำงานของหยวนเช่นเคย แต่จดหมายดังกล่าวถูกตีกลับ ในตอนนั้น เธอไม่รู้ว่า หยวนได้เปลี่ยนที่ทำงานแล้ว ซึ่งในปี 2516 หยวนได้เขียนจดหมายบอกหลี่ แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่ง ทั้งคู่ก็ได้ติดต่อกันอีกครั้ง เมื่อเดือนพ.ค.ปีนี้เอง (2553) นานถึง 45 ปี ที่ทั้งสองพรากจากกันหลังจากได้ติดต่อกันครั้งสุดท้าย
แสงสว่างฉายโฉนบนเส้นทางรัก...
ช่วงระหว่างเทศกาลตรุษจีน (ปลายเดือนก.พ.) โอวหยัง ลู่อิง ลูกสะใภ้คนที่สามของหยวน ได้ล่วงรู้จากญาติที่เป็นผู้ช่วยกุมความลับจดหมายของหลี่ไว้ ว่า พ่อสามีของเธอ ได้เคยตกหลุมรักกับครูต่างชาติสาวสวย เธอกล่าวว่า
“เมื่อได้ฟังเรื่องของพ่อสามีฉัน ก็สัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในความรัก และเมื่อแม่สามีของฉันได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2537 ฉันจึงขอให้พ่อเขียนจดหมายอีกครั้ง”
แม้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หยวนมักจะไปยังสถานที่ที่เขากับหลี่เคยมาด้วยกันเป็นประจำในเมืองหังโจว แต่หยวนก็ไม่เคยคาดคิดที่จะกลับไปติดต่อกับหลี่อีก
จนเมื่อลูกสะใภ้โอวหยังได้ปลุกความทรงจำทั้งหมดจากก้นบึ้งในจิตใจ หยวนจึงมีกำลังใจและมีความหวังที่จะพบกับหลี่อีกครั้ง เขาใช้เวลาหลายวันในการเขียนจดหมายทั้งสิ้น 5 ฉบับ นอกจากจะเขียนเป็นภาษาจีนอวยพรให้หลี่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว หยวนยังเขียนถึงญาติของหลี่เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยเกรงว่าหลี่อาจเสียชีวิตแล้ว โดยเขียนว่า
"ผมเป็นนักเรียนและเพื่อนของหลี่ และต้องการทราบถึงที่อยู่ของหลี่"
ทุกๆ วันเว้นวัน หยวนได้ส่งจดหมาย 1 ฉบับ และหากไม่ได้รับจดหมายตอบกลับเลยสักฉบับ เรื่องราวต่างๆ ก็อาจต้องยุติลงเพียงเท่านี้
ในที่สุดก็มีจดหมายส่งตรงจากฝรั่งเศส หยวนซึ่งบัดนี้อายุ 80 ปี ได้เปิดจดหมายฉบับนั้นด้วยมือที่สั่นเทา และได้เห็นลายมือที่คุ้นเคยอีกครั้ง หยวนเล่าถึงความรู้สึก ณ ขณะนั้น ว่า “ขอบคุณสวรรค์ เธอยังมีชีวิตอยู่” ในซองจดหมายมีรูปของหลี่แนบมาพร้อมกับเนื้อความ 3 หน้ากระดาษ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอว่า...
"ในปี 2517 เป็นระยะเวลา 9 ปี หลังจากการติดต่อกันครั้งสุดท้าย ฉันจบการศึกษาภาษาจีนและได้รับคุณวุฒิเทียบเท่ามหาบัณฑิต จึงได้งานสอนภาษาจีนในมหาวิทยาลัยช็อง มูแลง - ลียง 3
ในปี 2535 ฉันเกษียณในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว และจากนั้นได้ทำงานเป็นรองประธานองค์กรไม่แสวงกำไรที่ช่วยเหลือนักศึกษาชาวจีนในมหาวิทยาลัยนี้
เธอยังคงครองโสดและอยู่เพียงลำพังหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตลง
ในวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา หลี่กลับมาถึงบ้านก็พบจดหมายของหยวนวางอยู่ที่พื้น เธอเล่าว่า “ฉันยังไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เพราะฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง”
เธอนั่งมองจดหมายของหยวนที่สวนในบ้านตั้งแต่เที่ยงวันไปถึงเที่ยงคืน กระทั่งเมื่อรุ่งอรุณเบิกฟ้าของวันถัดมา เธอก็ได้รับจดหมายของหยวนอีกฉบับ หลี่จึงมั่นใจว่า มันไม่ใช่ความฝัน
จากนั้นทั้งคู่ได้เริ่มส่งจดหมายหากันเหมือนแต่ก่อน และในบางครั้ง ด้วยความช่วยเหลือของโอวหยัง ทำให้ทั้งหลี่ และหยวน ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ แต่ไม่นานก็กลับไปใช้การเขียนจดหมายเช่นเดิม เพราะหยวนมีปัญหาด้านการได้ยิน
ในการคุยโทรศัพท์ครั้งแรก หลี่ ได้เล่าว่า “โอวหยัง เรียกฉันว่าคุณแม่แดนนี่ ยังไม่เคยมีใครเรียกฉันว่าแม่มาก่อน ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกอันแสนวิเศษนี้ได้”
หนึ่งเดือนต่อมา หยวนได้เชิญชวนให้หลี่มาที่ซย่าเหมิน และได้บอกกับหลี่ว่า “เธอต้องการมาอยู่กับฉันหรือแค่มาเยี่ยมก็ได้ แล้วแต่เธอจะตัดสินใจ”
เมื่อหลี่ มาถึงซย่าเหมิน หยวนและครอบครัวก็ได้พบกับเธอที่สนามบิน และ ณ เวลานั้น หยวนได้ถือช่อกุหลาบอันสวยสด 55 ดอก เพื่อขอเธอแต่งงาน หลี่ได้ตอบรับคำขอของหยวน จากนั้นทั้งคู่ก็ได้จดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา หนึ่งวันก่อนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป้นช่วงเวลาที่ครอบครัวชาวจีนกลับมาพบปะกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ในวันที่ 26 ก.ย.2553 บุตรชายของหยวน ได้จัดงานแต่งงานให้กับพวกเขา จากนั้น ทั้งหลี่และหยวนก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านของบุตรชายคนที่ 3 และในทุกๆเช้า หยวนกับหลี่ ก็จะจับมือกันเดินตากลมทะเลริมชายหาดรับกลิ่นอายรุ่งอรุณของวันใหม่อันแสนอบอุ่น
หลี่ กล่าวปิดท้ายตำนานรักสุดขอบฟ้าของเธอกับหยวน ว่า “สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป เราต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เคียงข้างกันตลอดไป ฉันมีปัญหาด้านการมอง และเขามีปัญหาด้านการฟัง ดังนั้นฉันจึงเป็นหูให้กับเขา และเขาก็เป็นตาให้กับฉัน เราเติมเต็มกันและกัน”
มหัศจรรย์แห่งรักจากกันกว่า50ปีได้กลับมาครองคู่ยามไม้ใกล้ฝั่ง
ภาพหยวน ตี้เปา และแดนนี่ หลี่ ในช่วงปี 2493 (ภาพไชน่า เดลี่)
หยวน ตี้เปา ในวัย 82 ปี และแดนนี่ หลี่ ในวัย 83 ปี กำลังนั่งอ่านจดหมายด้วยกัน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!