เถ้าถ่านจากภูเขาไฟใน ปอมเปอี
size=4>เหล่านักปราชญ์คริสเตียนครั้งกระนั้น..เชื่อว่าหายนะของปอมเปอีนั้น
เกิดจากการที่พระเจ้าพิโรจน์ที่ชาวเมืองเป็นผู้ไม่มีศีลธรรม ไม่อยู่ในจารีตอันดีงาม
จึงบันดาลให้เกิดวันโลกาวินาศเช่นเดียวกับเมืองคนบาปโซดอมและกอมโมร่า
ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเก่า
หลักฐานซากเมืองและชีวิตประจำวันของชาวเมืองที่ถูกขุดค้นได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18
เป็นต้นมาได้ชี้ให้เห็นว่า
เมืองนี้น่าจะเป็นเมืองแห่งอบายมุกเมืองนึงเลยทีเดียว เป็นต้นว่ามีโรงหญิงโสเภณี
ที่มีรูปวาดการหลับนอนอย่างโจ๋งครึ่มตามฝาผนัง
การเริ่มปะทุของวิซูเวียสนั้น
กลุ่มควันหนาทึบที่พุ่งขึ้นจากยอดภูเขาจนมองเหมือนแท่งเสาโรมันแท่งโต
แล้วต่อมามีการขยายตัวออกพร้อมกับมีฝุ่นผง กรวด และหินพรุนพัมมิช
ตกลงมาสู่พื้นคลุมบริเวณกว้าง
การระเบิดช่วงแรกของภูเขาไฟทั่วโลกจึงถูกตั้งชื่อเพื่อให้เกียรติตามไพลนี่ผู้เยาว์ว่า
ไพลเนี่ยนเฟส (Plinian
phase) จากนั้นการระเบิดที่ตามมาในเฟสที่
face="Cordia New">2 จะประกอบด้วยการทะลักล้นอย่างแรงและเร็วของหินพัมมิส
ฝุ่น ขี้เถ้า
และแก๊สหนักที่ไหลจากปากปล่องภูเขาไฟลงมาตามสันเขาเข้าทำลายสิ่งก่อสร้างทุกที่เท่าที่มันไหลไปถึง
เปรียบเสมือน อวาล้อนช์
face="Cordia New">(Avalanche)
size=4>ของมวลสารที่หนักๆ แทนที่จะเป็นหิมะที่ถล่มลงมา
การไหลหลั่งของมวลสารภูเขาไฟลงมาถาโถมท่วบทับเมืองนี้เรียกว่า
face="Cordia New">การไหลไพโรคลาสติก
face="Cordia New" size=5>(Pyroclastic flow)
color=#0000ff>กลุ่มแก๊สหนักและฝุ่นขี้เถ้าซึ่งครอบคลุมบริเวณกว้างกว่ามากนั้นเรียกว่า
กลุ่มแก๊สแปรปรวนไพโรคลาสติก
face="Cordia New">(Pyroclastic surge) ซึ่งเป็นศัพท์ที่ผู้เชี่ยวชาญชื่อ
ซิเกิร์ดสัน
ได้บัญญัติขึ้นมาฝุ่นขี้เถ้าและแก๊สหนักเหล่านี้จะไหลเรื่อยไปตามพื้นราบทั่วเมือง
เหมือนสายธารแห่งความตาย เพราะแก๊สเหล่านี้ได้แก่ แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ คาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนอกไซด์(CO)
ส่วนกรดได้แก่
กรดกำมะถัน กรดไฮโดรคลอริก กรดไฮโดรฟลูออริก
จะเห็นได้ว่ามีทั้งกรดและแก๊สซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนทั้งนั้น
ซึ่งสารพิษเหล่านี้เมื่อสูดหายใจเข้าไปแม้เพียงเล็กน้อยจะไประคายเคืองที่เยื่อบุอ่อน
ตามทางเดินหายใจและทางเดินอาหารอย่างรุนแรง
จึงขอสรุปไว้ว่า
ซากชาวปอมเปอีที่เราเห็นนอนระเกะระกะตามถนนในเมืองหรือในบ้านนั้น
หาใช่การตายเพราะถูกธารลาวาทับถมไม่
หากแต่เกิดจากฝุ่นขี้เถ้าและแก๊สมรณะที่รวมเรียกว่า
face="Cordia New">ไพโรคลาสติกโฟลว์
ซึ่งเหล่ากรวดและฝุ่นขี้เถ้าละเอียดที่มาทับถมร่าง
face="Cordia New">
size=4>หลังจากนั้นเมื่อถูกน้ำฝนตกลงมาใส่
ก็เปรียบเสมือนน้ำประสานปูนอย่างดี
ทำให้มันมีสภาพเหนียวหนับและแข็งเหมือนปูนซีเมนต์เมื่อแห้งลง
ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองพันปี ยิ่งเกิดการอัดตัวกันแน่นเข้าจนกลายเป็นหิน
วางอยู่ทั่วไปทั้งที่ร่างกายภายในผุพังไปหมดแล้ว