แค้นแม่มด
เรื่องราวของปีศาจและอำนาจมืดนับเป็นสิ่ที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังหาข้อพิสูจน์ที่น่
าเชื่อถือไม่ได้ เรื่องราวของแม่มดก็เช่นกัน มันเป็นศาสตร์ลึกลับที่ยังคลองตำแหน่งความน่ามหัศจรรย์ใจไม่เสื่อมคลาย เมื่อแม่มดตนหนึ่งกลายเป็นปีศาจกลับมาสิงสู่และสร้างความ เดือดร้อน ผู้ที่ได้ผลแห่งการกระทำของมันต้องจดจำไปจนวันตาย เหมือนเรื่องที่เกิดกับครอบครัวของ จอห์น เบลล์ เมื่อ ค.ศ. 1817 และยังความระทมทุกข์ให้กับครอบครัวนี้ตลอดเวลาสองสามปีต่อมารวมทั้งปริศนาที่มันทิ้ง
ไว้ให้ก็ยังก็ยังเป็นความลับดำมืดมาจนทุกวันนี้
จอห์น เบลล์ ผู้เป็นที่กล่าวขวัญกันในเรื่องนี้ มีนิวาสถานอยู่ที่บ้านไร่ในเมืองโรเบิร์ตสัน คันทรี่ รัฐเทนเนสซี่ เขามีภรรยาและลูก ๆ อีกห้าคน เป็นชายสี่กับหญิงหนึ่ง นอกจากนี้จอห์นยังมีทาสมาช่วยทำงานอีกสองสามคน และต่างปลูกบ้านแยกอยู่ต่างหากในบริเวณเดียวกัน
เรื่องที่นำความทุกข์และความเดือดร้อนมาสู่ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1817 เป็นต้นมา เรื่องตั้งแต่มีเสียงเคาะ เสียงครูดฝาผนัง และเสียงแปลก ๆ ที่หาต้นสายปลายเหตุไม่ได้ ต่อมาผ้าคลุมเตียงถูกลากมากองไว้บนพื้น ที่ร้ายกว่านั้น บรรดาสมาชิกในครอบครัวมักจะถูกมือลึกลับตบหน้า เอาบ่อยครั้ง แรก ๆ ครอบครัวเบลล์ตกลงจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ รู้กันแต่เฉพาะผู้คนในครอบครัวเท่านั้น ........ แต่ต่อมาความรู้สึกยิ่งทวีความสับสนวุ่นวายใจมากขึ้นเพราะอะไรก็ตามที่ตามจองล้างจอง
ผลาญไม่มีท่าว่าจะเลิกราไปง่าย ๆ ยิ่งกับอลิซาเบธ หรือเรียกชื่อเล่นว่ เบตซี่ ลูกสาววัย 12 ขวบ ของจอห์นด้วยแล้ว เจ้าสิ่งที่ว่านี้ยิ่งดูเหมือนจะจงเกลียดจงชังเธอมากกว่า คนอื่นใด
ในที่สุดเมื่อไม่มีทางใดดีกว่า จอห์น เบลล์จึงไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักเทศน์ฆราวาสชื่อ เจมส์ จอห์นสัน เขาเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในชุมชนนั้นคนหนึ่งที่เดียว จอห์น เบลล์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาให้ จอห์นสันฟังและเขาตกลงใจจะไปพิสูจน์ส่งประหลาดสิ่งนั้นในบ้านของ จอห์นทันที โดยที่ในเวลาต่อมาเขาเองก็ต้องไปที่บ้านเพื่อนเก่าบ่อยขึ้น เพื่อพยายามติดต่อกับอะไรบางอย่างที่เป็นตัวก่อเหตุ หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ไม่นาน อะไร บางอย่างที่สิ่งอยู่ในบ้านของ จอห์น เบลล์ ก็พยายามแสดงตัวด้วยการพูดออกเสียง ก่อนที่จะเป็นถ้อยคำสื่อสารกันได้สิ่งนั้น จะทำเสียงเหมือนคนผิวปากเป็นเสียงต่ำแตกพร่า แล้วค่อย ๆ รวมเป็นวลีเหมือนเสียงกระซิบ ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ฟังเหมือนเสียงกระซิบที่ลอยมาจากที่ไกล ๆ ซึ่งพอจะจับใจความได้ หากบรรยากาศรอบข้างไม่มีเสียงอื่นปะปน
และในที่สุด มัน ก็พูดได้ชัดถ้อยชัดคำ และมีทีท่ากระตือรือร้นเหมือนอยากตอบคำถามทุกคำ แม้ว่าคำตอบเหล่านั้นจะมีความขัดแย้งกันเอง เช่นคราวหนึ่ง มันบอกเสียงดังฟังชัดว่า มันคือ ...วิญญาณจากทั่วสารทิศจากสวรรค์ นรก และโลกมนุษย์ ข้าสถิตอยู่ในอากาศในบ้านและในที่ไหน ๆ ได้ทุกเวลาข้าถูกสร้างเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว นี่คือสิ่งที่ข้าบอกกับพวกเจ้า
พอถึงอีกคราว มันกลับพูดว่า มันคือวิญญาณของใครบางคน ซึ่งศพถูกฝังอยู่ในป่าใกล้ ๆ แล้วอีกบางทีมันก็บอกว่า เป็นวิญญาณของผู้อพยพรุ่นบุกเบิก ซึ่งได้ฝังสมบัติบางส่วนไว้ในที่แห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับบ้าน โชคร้านที่มาเสียชีวิตเสียก่อนที่จะไปขุดขึ้นมา แต่คำบอกกล่าวที่ทำให้ชาวบ้านแถบนั้นสนใจเป็นพิเศษกว่าเรื่องอื่น ๆ ทั้งหมดเห็นจะเป็นเรื่องที่มันอ้างว่า ข้าคือแม่มด เคต แบ็ตต์ส
เคต แบ็ตต์ส เมื่อสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีชาวบ้านโรบินสันคนไหนคบกับนางเนื่องจากเป็นหญิงชราป
ากร้ายและชอบผูกพยาบาท อาฆาตกับผู้คนทั่วไปหมด เมื่อหล่อนเสียชีวิตไป ผู้คนก็ลืมเลือนหล่อนเสียสนิทจนกระทั่งได้ยินว่ามาสิงสู่อยู่กับครอบครัวของ จอห์น เบลล์และสร้างความเดือนร้อนให้ไม่มีที่สิ้นสุด ........ ครอบครัวของเบลล์ต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อสภาพอันเลวร้ายอยู่ถึงสามปีเสียงกรีดร้องรอบบ้
านของปีศาจแม่มด ที่ไม่เคยปรากฏร่างให้ใครเห็น ยังคงกรีดโหยหวนทุกวันเวลาไม่มีวันใดที่ครอบครัวนี้จะได้อยู่กันอย่างสงบ สุขอย่างแท้จริง ไม่มีใครช่วยพวกเขาได้ แม้แต่เจมส์ จอห์นสันเองก็ทำได้เพียงติดต่อกับวิญญาณพยาบาทเท่านั้น ในที่สุด จอห์น เบลล์ ก็ไม่สามารถทนต่อสภาพที่บีบคั้นจิตใจอย่างรุนแรงต่อไปไม่ไหวสุขภาพของเขาเริ่มอ่อนล้
าลง และทรุดโทรม ตามลำดับ จอห์น เบลล์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1820 นับเป็นการสังเวยต่อปีศาจของแม่มดอย่างแน่แท้
.........การเสียชีวิตของเขาดูเหมือน เป็นสิ่งที่มันรอคอยอยู่นาน วันที่ร่างของเขาถูกหย่อนลงในหลุมฝังศพ มีเสียงกู่ร้องและขับลำนำเพลงที่ ฟังแล้วชวนสยองหวีดก้องอยู่ในอากาศ หลังจากจอห์น เบลล์เสียชีวิตแล้ว การหลอกหลอนของปีศาจแม่มดก็ค่อยเบาบางลงตางลำดับ และพออีกสองสามเดือนต่อมา สุ้มเสียงประหลาด ๆก็หายไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งเรื่องราวความลึกลับให้เป็น ตำนาน ปริศนาเล่าขานกันสืบต่อมา