เรื่องที่ 1 ป๊อก ครืดด
ในสมัยที่ มช. ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง ถนนหน้าฝนเป็นโคลน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ
เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอหญิงเจ็ด ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำือยู่ แล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน
พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วงจึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมาฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ฝากซื้อราดหน้า(หรือผัดไทซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกัน กินแล้วจะได้กินยาเมทคนนั้นก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับหลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้อง
เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่ออ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน
ตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้วทำไมเพื่อนยังไม่กลับมาซะที ตกดึก ฝนเริ่มตกหนัก เมทคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อในใจเป็นห่วงเพื่อน เพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ
ดังจากชั้นล่างจากทางบันได ป๊อกป๊อกป๊อกป๊อก.
เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดดังขึ้นเรื่อยๆเสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่
แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป ครื..ด..ครื..ด.ค..รืด เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย ๆื
จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัวคิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว
ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อลาดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งงแล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทำไมต้องเอามาแขวน ไม่รอเจอกันก่อนจะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันไดคิดต่าง ๆ นา ๆ แต่แล้วก็แกะห่อลาดหน้าออก ทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็ม่อยหลับไปเลย
รุ่งเช้า.มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทานข้าวเสร็จ(ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพะยอม) ทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยฝากเพื่อนซื้อข้าวห่อ
คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วราดหน้าเมื่อคืนล่ะ?
ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือหลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย
และยังหิว จึงนำห่อลาดหน้าที่ซื้อมาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหักหมด แล้วลักษณะที่เขาเล่ามาคือ เพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันไดลากตัวเองขึ้นมา เป็นเสียง ป๊อก ป๊อก เสียง ครืด ที่ได้ยิน คือเสียงลากตัวเองจากบันไดมาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน
หลังจากส่งห่อราดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง
ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่าแต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่าในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา แล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ
มิตรภาพอยู่เหนือความตาย
เรื่องที่ 2 หอนาฬิกา
อันเนื่องจากเคยเป็นป่าช้าและลานประหารเก่ามาก่อนทำให้เรื่องเล่า
เรื่องผีทั้งเก่าและใหม่มีมากมาย
เรื่องนี้อยู่ที่หอนาฬิกาใหญ่
ตรงสี่แยกจากประตูหลังมอ ตรงนั้นจะเป็นวงเวียนสี่แยก
ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นคณะวิศวะ
ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษา และโรงเรียนสาธิต
ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ เป็น หอ 4 ชาย
และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหอ 6หญิง เรื่องนี้มีอยู่ว่า
เล่ากันว่า ตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของ อาจโดนดีได้ วิธีการลองดีคือ ตอนเที่ยงคืน
ให้ไปวนรถทวนเข็มที่หอนาฬิกา สามรอบ (วงเวียนจะเวียนรถตามเข็ม)
เล่ากันว่า ผู้ที่ลองทำอย่างนั้น
ไม่เคยมีใครวนรถทวนเข็มได้ครบสามรอบซักคน ผู้มีประสบการณ์เล่าว่า
ในขณะที่วนรถอยู่นั้นจะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติ แต่วนไปสองรอบก็ไม่เกิดอะไรขึ้น มาเกิดตอนที่จะครบ รอบที่สาม จู่ๆ ก็มีเสาสองต้นตั้งขวางถนนอยู่ ทำให้ต้องหักรถหลบ รถล้มบ้าง
แฉลบบ้างไปตามๆกัน ใครอยากรู้ก็ลองดู อีกกรณีหนึ่งมีข่าวอยู่บ่อยๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักชาย 4
และ หญิง 6 ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา มักได้ยินเสียงแหลมๆ เล็กๆ ดังมาจากทางหอนาฬิกา สอบถามแล้วคืนนั้น เด็กสาธิต ไม่มีการทำกิจกรรม และคณะวิศวะไม่มีกิจกรรมหรือการก่อสร้างใดๆ
และที่สำคัญ บางห้องได้ยิน บางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน? .....
เรื่องที่ 3 ห้องน้ำสังคม
ที่ห้องน้ำคณะสังคมศาสตร์ ที่เก่าๆ หน่อยลองไปหาดูเอาเอง ลักษณะห้องน้ำคือประตูอยู่ตรงกลาง เข้าไปแล้ว
โถฉี่จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอ่างล้างหน้ากับกระจกส่องหน้าจะอยู่ทางขวา
รุ่นพี่ที่อยู่คณะสังคมเคยเล่าว่า เคยมีคนเล่า ให้ฟังว่า(ฟังเขามาอีกต่อหนึ่ง)
ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบไปอ่านหนังสือที่คณะสังคม แล้วปวดฉี่เลยไปฉี่ที่ห้องน้ำนี้ เริ่มนึกออกหรือยังว่าห้องน้ำที่ไหน) ลุกเข้าห้องน้ำคนเดียว คนอื่นๆ ก็นั่งอ่านหน้งสืออยู่ คนไปฉี่ก็เข้า ไปฉี่ธรรมดา ห้องน้ำมี โถฉี่สองอัน อันแรกติดประตูอันที่สองอยู่ด้านขวาข้างในไปอีก เขาบอกว่าตอนจะฉี่ ก็จะฉี่ที่โถแรกเพราะใกล้กว่า แต่ไม่รู้นึกยังไง เลย
เดินเลยไปฉี่ที่โถข้างในตอนฉี่ก็ยังไม่มีอะไร แต่ตอนฉี่เสร็จแล้วมองออกไปที่กระจก ภาพในกระจกสะท้อนเห็นกำลังมีคนยืนฉี่ อยู่ที่โถฉี่อันแรก! หันหลังให้) นึกว่าตาฝาด เพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร
แต่พอไปดูในกระจกก็เห็นเหมือนเดิม? คืนนั้นเลยไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี
พวกขี้เหล้าทั้งหลายที่ชอบไปกินแถวนั้นก็ระวังหน่อยละกัน
เรื่องที่ 4 ห้องสีชมพู
เรื่องนี้เกิดที่หอหญิง ไม่แน่ใจว่า 7 หรือ 4 หรือ 8 เป็นเรื่องของนักศึกษาหญิงที่เข้ามาพักในหอในแล้วไปมีอะไรกับ
ผู้ชาย แล้วเกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมารู้ตัวเอาตอนท้องได้ 4 เดือนแล้วแต่มันยังไม่ป่องออกมา จึงปิดเงียบไม่ให้ใครรู้แม้แต่เมท ทำยังไงถึง จะเอาออกได้
พลาดไปแล้ว แต่ไม่อยากเสียอนาคต ไม่มีเงินทำแท้ง แฟนไม่รับผิดชอบ
ตัดสินใจเอาออกเองในห้องพัก โดยเลือกตอนช่วงที่เพื่อนไม่อยู่ ทำเองคนเดียว โดยไม่ทราบวิธีการปรากฎว่าผลร้ายกว่าที่คิดนักศึกษาคนนั้นตกเลือดตายในห้อง เพื่อนมาพบศพตอนเย็น
เห็นรอยเลือดกระจัดกระจาย ติดฝาผนังบ้างก็มี หลังจากจัดการเรื่องศพเรียบร้อยแล้ว (รวมถึงทำ ความสะอาดห้อง)
โดยที่เมทของคนตายก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด
เห็นรอยเลือดสีจางๆติดอยู่ที่ผนังสีขา; ก็เลยให้คนเอาสีขาวมาทาทับ
วันรุ่งขึ้นเปิดเข้าไปทำความสะอาด รอยเลือดยังมีอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะ ทำยังไง ทั้งขัด ทั้งถู หรือทาสีใหม่ รอยเลือดนี้ก็ยังไม่หายไป จนสุดท้ายทางหอพัก จึงต้องนำสีชมพู ไปทาทั้งห้องเพื่อไม่ให้เห็นรอยเลือด กลายเป็นห้องสีชมพูตั้งแต่นั้นมาปัจจุบัน เป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย เคยมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนี้ แล้วออกจากห้องไม่ได้ เพราะลูกบิดถูกล๊อค (ทั้งที่ตัวล๊อคอยู่ในห้อง) ลองไปเยี่ยมชมดูได้ครับ หนึ่งความพลาดพลั้งที่ไม่มีอะไรแก้ไขได้
เรื่องที่ 5 ห้องน้ำหลอน
รุ่นน้องอยู่หอ 7 หญิงเหมือนกัน
เล่าว่า ไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำ รวมตอนกลางคืน) ชั้น 3 เข้าไปอาบน้ำที่ช่องที่เขากั้นให้อาบน้ำ ช่องในสุดซักพักได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาอาบน้ำในห้องข้างๆ ได้ยินเสียงฝักบัว แถมยังมีน้ำกระเซ็นเข้ามาที่ห้องตัวเองอาบอยู่อีก ต่างหาก แต่รุ่นน้องอาบน้ำช้า ห้องข้างเลยกลับออกไปก่อน พอรุ่นน้องอาบน้ำเสร็จ เปิดห้องออกมาก่อนออกก็ต้องเดินผ่านห้องข้างๆ อยู่แล้ว เพราะตัวเองอาบห้องในสุด ไม่มีร่องรอยการอาบน้ำเลย ตรงฝาผนังและพื้นแห้งสนิท! ที่ห้องอาบน้ำชั้น 2 รุ่นพี่ แก่กว่าประมาณ 3ปี เคยเล่าให้ฟังว่ากำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ทั้งห้องมีอยู่คนเดียว กำลังจะสระผม รู้สึกว่ามีน้ำกระเด็นมาจากห้องข้างๆ แต่ไม่มีเสียงน้ำ ด้วยความสงสัย จึงหยุดแล้วไปดูห้องข้างๆ
ก็ไม่เห็นมีน้ำรั่วหรือซึมทั้งฝา และเพดาน เรียบร้อยทุกอย่าง พอเข้าห้องมาจะอาบก็เจอน้ำกระเซ็นอีก... คราวนี้ไม่อยู่แล้ว เก็บของออกจากห้องน้ำไปเลย ฟังหูไว้หู.....
เรื่องที่ 6 ทุกโค้ง
สมัยนั้นเวลากลางคืนดอยสุเทพยังไม่ปิดความนิยม(ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร)
อย่างหนึ่งก็คือเวลาเมาๆนักศึกษาทั้งหลายมักจะขับรถขึ้นดอยกันขึ้นไปดูเชียงใหม่ทั้งเมืองตอนกลางคืน มันสวยดี แต่ดันขับรถตอนเมาไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) วันหนึ่ง นักศึกษาจากคณะวิศวะสองคนเพิ่งเลิกจากกังสดาล(แต่ก่อนร้านนี้ฮิตครับ)ครึ้มๆขึ้นมาก็เลยขับรถเลยจากทางเข้า กะขึ้นดอยไปชมเมืองเล่น คนขับก็ขับไปข้างหลังคน ซ้อนก็นั่งไป เมาๆขึ้นมาคนซ้อนก็เลยหลับ(สมัยก่อนแปดสิบเปอร์เซ็นต์นักศึกษาขับแมงกะไซค์ไม่ใช่รถยนต์อย่างทุก วันนี้) ซักพักหนึ่งคนซ้อนก็ตื่น กำลังเข้าโค้งพอดี เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ข้างทาง แต่คนขับก็ขับเลยผ่านไป ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจัด ก็เลยถามคนขับว่า ทำไมmungไม่ จอดรถลงไปถามหน่อยล่ะ เผื่อเขามีปัญหาอะไร? คนขับ
kuไม่จอดด้วยหรอก คนนี้เขารอโบกทุกโค้งเลย เจอมาหลายโค้งแล้ว
เดี๋ยวโค้งหน้าmungกะku ก็เจอเขาอีกแหละ...
เรื่องที่ 7 พยาบาลชุดแดง
เห็นเขาเล่าว่ามีนักศึกษาคนนึงของคณะแพทย์อยู่ทำงานในตึกของฝั่งสวนดอก(ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงพยาบาลหรือตึกแพทย์คนเล่าไม่ยืนยันแต่2ตึกนี้ก็ใกล้กันนี่กลับเข้าเรื่องต่อ)
เขาคนนี้ก็ทำงานอยู่จนดึกก็เลยว่าจะลงลิฟต์มาระหว่างที่รอ เขาก็ได้ยินเสียงเดินมาข้างๆเขาก็หันไปมองเห็นพยาบาลคนนึงเดินมา เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะพยาบาลกับแพทย์ก็ต้องเจอกันบ่อยๆอยู่แล้ว ระหว่างรอลิฟต์นักศึกษาคนนี้ก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ ก็เลยหันไปมองพยาบาลคนนี้ ก็ไม่เห็นมีอะไร ซ้ำพยาบาลคนนี้ยังยิ้มให้ด้วย สักพักต่อมาเมื่อเข้าไปในลิฟต์พยาบาลคนนี้ก็ ถามว่ามาทำอะไรดึกๆอย่างนี้ เขาเลยตอบว่ามาศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายในเพราะว่าจะสอบ พยาบาลคนนี้เลยบอกว่างั้นให้ฉันช่วยนะนักศึกษาคนนี้ก็เลยงง และเริ่มสังเกตว่าคอของผู้หญิงเริ่มมีเลือด ไหลออกมาจากคอเรื่อยๆ
เขาตกใจมากพยายามที่จะหนีออกมาจากลิฟต์แต่ลิฟต์เหมือนค้างหรืออะไรไม่ทราบ เลือดไหลนองทั่วชุดของนางพยาบาลคนนี้ แล้วเธอก็เริ่มสอนนักศึกษาแพทย์คนนี้ตั้งแต่ลำไส้ ปอด สมอง หัวใจ พร้อมทั้งควักส่วนต่างๆเหล่านี้ออกมา รุ่งขึ้นก็มีคนพบชายคนนี้นอนคาอยู่ทางประตูลิฟต์ที่เปิดปิดอยู่แล้วเขาก็เอาแต่ พร่ำเพ้ออย่างคนบ้าว่า พยาบาล ชุดแดง พยาบาลชุดแดง
เรื่องที่ 8 RB แพทย์
อาคารเรียนรวมแพทย์ มีคนไปอ่านหนังสือกันสองคน พอดึกๆก็ไปซื้อไก่ทอดมากินเสร็จแล้วก็หาที่ล้างมือเจอก้อกน้ำข้างตึกก็ไปล้างมือที่นั่นตอนที่ล้างอยู่ เพื่อนอีกคนก็ทำหน้า ตกใจมากแต่ยังไม่พูดอะไร คนที่ทำหน้าตกใจรีบจูงมือเพื่อนกลับมาใต้ตึกแล้วถามว่ารู้มั้ยเมื่อกี้เห็นอะไรอีกคนบอกไม่รู้ คนนั้นจึงบอกว่าเห็นผมของอีกคนซึ่งผมยาวชี้ขึ้นมากระจุกหนึ่งเหมือนมีคนจับขึ้นมา รู้ทีหลังว่าตรงนั้นเป็นที่ล้างศพ!
เรื่องที่ 9 partner lab
อันนี้ฟังเค้าเล่ามาอีกทีเป็นเรื่องนานมาแล้วเราเองก็มาไม่ทัน
เรื่องมีว่าเมื่อก่อนตอนที่ตึกเก้าชั้นวิดยายังไม่ได้สร้างแลปฟิสิกส์ของเด็กปี1
ก็ยังทำที่แลปเก่า(น่าจะเป็นตึกฟิสิกส์)แลปคราวนั้นเป็นแลปเรื่องแสง
คนที่เคยเรียนคงรู้ว่าห้องจะมืดเพราะปิดไฟและเป็นแลปมืดจริงๆ เพราะทำช่วงค่ำ นักศึกษาหญิงคนนึงก็เข้าห้องแลปแต่พาร์ทเนอร์แลปยังไม่มา คนอื่นๆก็มากันแล้ว เตรียมอุปกรณ์เสร็จเพื่อนก็มาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดไม่จาถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบเหลือบเห็นที่คอมีรอยแผลเป็นทางยาว เธอจับไหล่เพื่อนถามว่าไปโดนอะไรมาเพื่อนเงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวหลุดกลิ้งไปกับพื้น ผู้หญิงร้อง กรี้ดแล้ววิ่งออกมาสลบตรงระเบียง
ฟื้นมามียามกับรุ่นพี่สองสามคน ถามว่าไม่รู้เหรอว่าวันนี้แลปงด เพราะเมื่อเช้ามีนักศึกษาในเซครถคว่ำตาย เพื่อนเลยไปงานศพช่วงค่ำกันหมด สอบถามชื่อได้ความว่าคือพาร์ทเนอร์แลปของเธอนั่นเอง! ส่วนคนที่เจอในห้องแลปทุกคนล้วนแต่ไร้ชีวิต
เรื่องที่ 10 ทางเดินคณะวิศวะ
มีคน 4 คนเข้าไปเล่นผีถ้วยแก้วตรงทางเดินยาวตรงข้ามหอ5ชายวันนั้นฝนตกด้วย มีผีผู้ชายเข้ามา พอถามว่าชื่ออะไรไม่ตอบถามว่ามาคนเดียวใช่รึไม่ใช่ก็ตอบว่า "ไม่ใช่" จึงถามต่อว่ามากันเท่าไหร่ เค้าก็ตอบว่าเก้า(ไปเลข9)
คนเล่นรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเชิญออกแล้วรีบกลับมาที่หอมีเพื่อนถามว่าไปไหนกันมา ก็บอกว่าไปเล่นผีถ้วยแก้วในคณะวิดวะเพื่อนก็ว่า อ๋อที่ยืนมุงเยอะๆตรงทางเดินน่ะนะ!
...............................................................
จบแล้วค่ะ 10 เรื่องผีใน มช. ตามคำเรียกร้อง