“บิ๊กอายส์” แฟชั่น (ต้องระวัง) ของคนอยาก “ตาโต”



      ด้วยความคิดที่ว่า สาว “ตาเล็ก” หรือ “ตาชั้นเดียว” ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์ ทำให้บรรดาสาววัยรุ่นชาวเอเชียจำนวนไม่น้อยพยายามดิ้นรนที่จะเพิ่มขนาดของดวงตาให้ใหญ่ขึ้น เช่น การผ่าตัดทำตาสองชั้น เป็นต้น ซึ่งล่าสุด ก็มาถึงคิวของนวัตกรรมใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสาวๆ ชาวญี่ปุ่นและเกาหลี นั่นก็คือ “คอนแทกต์เลนส์ตาโต” หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “บิ๊กอายส์”

      และแน่นอนว่า ขณะนี้ได้แพร่สะพัดมาสู่สาวตาเล็กชาวไทยไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุผลเพื่อเพิ่มขนาดของดวงตาและทำให้ตาหวาน

    
ที่น่าตกใจก็คือ ไม่ใช่แค่เพียงสาวๆ เท่านั้น หากยังลามไปถึงผู้ชายและบรรดาเพศที่ 3 ทั้งหลายอีกด้วย

      อย่างไรก็ตาม การใส่บิ๊กอายส์ก็จะใช่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะล่าสุดเพิ่งมีคำเตือนจากกระทรวงสาธารณสุขไทย ว่า การใส่บิ๊กอายส์นั้น เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในดวงตา ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่บอบบางที่สุด หากเกิดปัญหาขึ้นกับดวงตาและไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง อาจถึงขั้นตาบอดได้




      ปัจจุบันค่านิยมการใส่บิ๊กอายส์ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากสาวๆ วัยรุ่นไทยที่ไม่พึงพอใจในดวงตาของตนเอง จากการสำรวจและสอบถาม ร้านขายคอนแทกต์เลนส์ย่านวัยรุ่นสยามสแควร์ มาบุญครอง ก็ได้รายละเอียดว่า บิ๊กอายส์ที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ซื้อจะเป็นบิ๊กอายส์ขนาดใหญ่ สีที่ได้รับความนิยม เช่น สีน้ำตาลและสี Moon gray หรือสีเทา โดยมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก แต่สำหรับยี่ห้อที่ขายดีที่สุด คือ ยี่ห้อที่มีชื่อย่อขึ้นต้นว่า “M” ซึ่งเป็นบิ๊กอายส์ที่ใส่เป็นรายเดือน มีหลายสีหลายแบบให้เลือก ส่วนยี่ห้ออื่นๆ วัยรุ่นไม่ค่อยซื้อนักเพราะเป็นคอนแทกต์เลนส์สายตาธรรมดา และเป็นชนิดรายวัน

      ทั้งนี้ บิ๊กอายส์ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศเกาหลี โดยสนนราคาจะเริ่มต้นที่ 450 บาทขึ้นไป ไม่มีการรับรองคุณภาพและรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น หรือหมายความว่า ซื้อแล้วจะไม่รับเปลี่ยนคืนนั่นเอง

      ส่วนกลุ่มลูกค้า ทางร้านยังบอกว่า นอกจากจะมีวัยรุ่นผู้หญิงมาซื้อแล้วยังมีวัยรุ่นชายมาซื้อใส่ด้วย

     “บางคนมาซื้อบิ๊กอายส์แบบรายเดือนใส่ตลอดไม่มีการถอดมาทำความสะอาดหรือนานๆครั้งจะถอดมาล้าง ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เมื่อซื้อแล้วต้องล้างทุกวันเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ” เจ้าของร้านแนะนำ

     นอกจากนี้ การขายคอนแทกต์เลนส์แบบบิ๊กอายส์ยังระบาดหนักโดยเฉพาะการจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ซึ่งมีหลายเว็บไซต์ด้วยกัน ที่น่าสนใจคือต่างระบุว่า นอกจะเป็นที่นิยมของวัยรุ่นหญิงแล้วยังเป็นที่นิยมของวัยรุ่นชาย ชายประเภทสอง ตุ๊ด เกย์ กะเทย ทอมบอยด้วย โดยราคาเริ่มต้นทุกรุ่นตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน ลักษณะการใช้งานตั้งแต่รายเดือนถึงรายปีคือ 1 คู่ใช้ได้1 ปี รวมทั้งมีเลนส์หลายขนาดให้เลือก เช่น 14.0, 14.5, 14.8 และบางเว็บไซต์ยังมีออปชันเสริม คือ มีคอนแทกต์เลนส์แบบคอสเพลย์หรือแบบแฟนตาซีขายด้วย

       จากการสอบถามเจ้าของเว็บไซต์ขายบิ๊กอายส์รายหนึ่งบอกว่าสินค้าส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศเกาหลี สีที่ลูกค้าชอบและขายดีที่สุด ได้แก่ สีน้ำตาล สีน้ำตาลทอง สีเทา และหลังจากลูกค้าซื้อแล้วไม่มีการรับประกันคุณภาพ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อแล้วไม่ค่อยมีปัญหา แต่ก็อาจมีปัญหาบ้างเช่น ปัญหาที่เกิดจากเลนส์ มองเห็นไม่ชัด เลนส์กว้าง และแคบเกินไป


     คำเตือน-คำแนะนำจากแพทย์

      รศ.นพ.ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธุ์ ประธานฝ่ายวิชาการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย และอาจารย์ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คอนแทกต์เลนส์ตาโต หรือบิ๊กอายส์ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความสวยงามแก่ดวงตา ทำให้ตาโตขึ้น ซึ่งบิ๊กอายส์จะมีเลนส์ขนาด 13.5-14.0 มิลลิเมตร ในขณะที่ตาดำคนปกติจะมีขนาด 10.5 มิลลิเมตร ซึ่งปกติตาของคนจะประกอบด้วยกระจกตา (Cornea) มีลักษณะใสเหมือนกระจกไม่มีสี แต่สีจากม่านตา (iris) ของคนเอเชียจะมีม่านตาสีน้ำตาลเข้มถึงสีดำ ทำให้เห็นเป็นตาดำ

      การใส่บิ๊กอายส์ก็เหมือนการใส่คอนแทกต์เลนส์ปกติที่ครอบอยู่บนกระจกตา แต่มีการระบายหรือพิมพ์สีบนผิวเลนส์ให้ใหญ่กว่าตาดำของผู้ใส่ บิ๊กอายส์มีเนื้อวัสดุแบบนิ่มอมน้ำเหมือนคอนแทกต์เลนส์ชนิดนิ่มปกติเพียงแต่บิ๊กอายส์จะมีการระบายสีที่ผิวพลาสติกด้านที่ไม่สัมผัสกับกระจกตาเป็นสีต่างๆ กัน สีที่ใช้ระบายได้มีการถูกทดสอบมาแล้ว จึงไม่น่ามีอันตรายเพราะมีการใช้สีประเภทนี้บนคอนแทกต์เลนส์สีมานานแล้ว

     นอกจากนี้ รศ.นพ.ปริญญ์ ยังแนะนำสิ่งที่พึงปฏิบัติและข้อควรระวังสำหรับคนใช้ ว่า 
    
1.ไม่ควรใส่นานเกินไปในแต่ละวันมีการใช้คอนแทกต์เลนส์ เมื่อถึงเวลานอนต้องถอดออก มิฉะนั้น จะทำให้เกิดอาการอักเสบของดวงตาได้ 
     2.ต้องใส่และถอดอย่างถูกวิธี เพราะวิธีที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดรอยขีดข่วนและแผลที่กระจกตา 
     3.ใส่แล้วต้องดูแลให้ดี ต้องมีการล้างและแช่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อไม่ให้เกิดแบคทีเรียและควรมีการเปลี่ยนน้ำยาในการล้างและแช่ทุกครั้ง 
   
  4.ต้องดูแลให้ถูกวิธี และไม่ใช้นานเกินไปจนคอนแทกต์เลนส์ปริ ฉีกขาด ทำให้รอยที่ฉีกขาดขูดกับผิวตา กระจกตาเสียหรือมีปัญหาได้
     เมื่อทำถูกทั้ง 4 วิธีก็ไม่มีปัญหา

      และล่าสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ได้เข้ามาดูแลเรื่องการใช้คอนแทกต์เลนส์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดย นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา บอกว่า คอนแทกต์เลนส์เพื่อความสวยงามที่กำลังระบาดในกลุ่มวัยรุ่นหญิงไทยนั้น มีสภาพเหมือนกับคอนแทกต์เลนส์แฟชั่นที่มีให้หลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีดำหรือสีเข้มต่างๆ ที่จะทำให้มองเห็นว่าผู้ใส่มีตาดำขยายใหญ่และกลมโตกว่าปกติ

     อย่างไรก็ตาม บรรดาคอนแทกต์เลนส์แฟชั่นเหล่านี้ ไม่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ต่อผู้ใส่ ดังนั้น จึงไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ แต่เนื่องจาก อย.เห็นว่า หากนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้เช่นกัน ดังนั้น จึงได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เลนส์สัมผัส เพื่อเพิ่มมาตรการในการควบคุมการผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัส ทุกประเภทในระดับที่เข้มงวดขึ้น โดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตจาก อย.รวมทั้งต้องแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลาก หรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์และในการโฆษณาต้องได้รับอนุญาตจาก อย.ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษ ทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีการเสนอร่างประกาศฉบับดังกล่าวให้คณะกรรมการเครื่องมือแพทย์พิจารณาในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ และจะเสนอความเห็นต่อรมว.สาธารณสุขเพื่อลงนาม ประกาศใช้ต่อไป

      “ผู้ที่คิดจะใส่ควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้ และเพื่อได้รับเลนส์ที่มีขนาดโค้งที่ถูกต้องเหมาะพอดีกับตาของผู้ใส่ ไม่ควรไปซื้อเองจากร้านค้าทั่วไป ขณะเดียวกัน ก็ต้องใส่ใจในการทำความสะอาดเลนส์ ทั้งการล้าง แช่ เก็บและก่อนสวมใส่ทุกขั้นตอน ไม่ควรใส่ขณะว่ายน้ำ ไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะเลนส์สัมผัสแฟชั่นยิ่งต้องระวัง เพราะในช่วงที่ยังไม่มีการกำกับดูแล ร้านค้าอาจนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่ายและก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้” รองเลขาธิการ อย.ให้คำแนะนำทิ้งท้าย




















ที่มา ...ผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์