มะเร็งปอด

ภาพประกอบจาก Internetภาพประกอบจาก Internet


           มะเร็งปอด พบมากเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งตรวจพบในระยะเริ่มแรกได้ยาก และมีอัตราการตายสูง


สาเหตุ

           1. บุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดของการเกิดโรคมะเร็งปอด ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบ 10 เท่า  ผู้ที่ต้องสูดดมควันบุหรี่ของ ผู้อื่น เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอดด้วย  ควันบุหรี่มีสาร ประกอบมากกว่า 4,000 ชนิด และในจำนวนนี้มีประมาณ 60  ชนิด ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ตัวกระตุ้นและตัวส่งเสริมให้เกิดมะเร็งปอด ได้แก่  ทาร์ นิโคติน คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไฮโดรเจนไซยานายด์ ฟีนอล
แอมโมเนีย เบ็นซิน และ ฟอร์มาลดีฮายด์
เป็นต้น

           มะเร็งปอด พบมากในภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งนิยม สูบบุหรี่พื้นเมือง ขี้โยหรือยามวน ซึ่งมีปริมาณทาร์ และ สารก่อมะเร็ง อื่นๆ สูง


           2. แอสเบสตอส เป็นแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น การก่อสร้าง  โครงสร้างอาคาร ผ้าเบรค คลัช ฉนวนความร้อน  อุตสาหกรรมสิ่งทอ เหมือง แร่ ผู้ที่เสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่ทำงานในสิ่งแวดล้อมที่มีการใช้แอสเบสตอสเป็นส่วน ประกอบ  ระยะเวลาตั้งแต่สัมผัสฝุ่นแอสเบสตอสจนเป็นมะเร็งปอด อาจใช้ เวลา 15–35 ปี ผู้ไม่สูบบุหรี่ แต่ทำงานกับฝุ่นแร่แอสเบสตอส เสี่ยงต่อมะเร็ง ปอดมากกว่าคนทั่ว ไป 5 เท่า ผู้สูบบุหรี่และทำงานกับฝุ่นแร่แอสเบสตอสด้วย เสี่ยงต่อมะเร็งปอดมากกว่า คนทั่วไปถึง 90 เท่า

           3.เรดอน เป็นก๊าซกัมมันตรังสี ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เกิดจากการสลายตัว ของแร่ยูเรเนียมในใยหิน ซึ่งกระจายอยู่ในอากาศและน้ำใต้ดิน ในที่ๆอากาศ ไม่ถ่ายเท เช่น ในเหมืองใต้ดินอาจมีปริมาณมากทำให้มีความเสี่ยงต่อการ เกิดมะเร็งปอดได้


            4.มลภาวะในอากาศ ได้แก่ไอควันพิษจากรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น


ภาพประกอบจาก Internetภาพประกอบจาก Internet


          ระยะเริ่มแรกของโรค ไม่มีอาการใดใดที่บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นมะเร็ง ปอด แต่อาจพบอาการไอเรื้อรัง ลักษณะไอแห้งๆ นานกว่าธรรมดา บางครั้ง มีเสมหะ หรือมีเลือดออกเป็นเพียงสายๆติดปนกับเสมหะออกมา น้ำหนักลด  เบื่ออาหาร ซีด อ่อนเพลีย
ปอดอักเสบ มีไข้ เจ็บหน้าอก ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยไม่มาพบแพทย์ เพื่อรับการ รักษา ทำให้โอกาสที่จะรักษาหายลดน้อยลง

อาการ

 1. ไอแห้งๆ อยู่นานกว่าธรรมดา
 2. ไอมีเสมหะ
 3. ไอเป็นเลือด แต่เลือดมักออกปนมากับเสมหะ
 4. ปอดอักเสบ มีไข้ เจ็บหน้าอก
 5. น้ำหนักลด เบื่ออาหาร ซีด อ่อนเพลีย
 6. เสียงแหบ เพราะมะเร็งลุกลามไปยังประสาทบริเวณกล่องเสียง
 7. บวมที่หน้า คอ แขน และอกส่วนบน เนื่องจากมีเลือดดำคั่ง
 8. หายใจลำบาก และหอบเหนื่อย เนื่องจากก้อนมะเร็งโตขึ้น ทำให้เนื้อที่ปอดสำหรับหายใจเหลือน้อยลงไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
 9. กลืนลำบาก เนื่องจากหลอดอาหารถูกกด
10. เจ็บปวด เนื่องจากมะเร็งลุกลามแพร่กระจายไปในกระดูก ผนังอก ฯลฯ
11. อัมพาด เนื่องจากมะเร็งแพร่กระจาย ไปยังสมองหรือไขสันหลัง


ภาพประกอบจาก Internetภาพประกอบจาก Internet


การวินิจฉัย

1. ถ่ายภาพเอ็กซเรย์ปอด
2. ตรวจเสมหะที่ไอออกมาเพื่อหาเซลล์มะเร็ง
3. ส่องกล้องตรวจดูภายในหลอดลม
4. ขลิบชิ้นเนื้อจากหลอดลมหรือต่อมน้ำเหลือง บริเวณไหปลาร้า เพื่อการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา

การรักษา

          เมื่อพบว่าเป็นโรคมะเร็งปอดแน่นอนแล้วแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าผู้ป่วยควรจะได้รับการรักษาแบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาถึงอายุ ภาวะความแข็งแรงของร่างกาย ระยะของโรค ชนิดของมะเร็งและการยอมรับของผู้ป่วย ซึ่งการรักษาจะประกอบด้วย

1. การผ่าตัด
2. รังสีรักษา
3. เคมีบำบัด
4. การรักษาแบบผสมผสานวิธีการดังกล่าวข้างต้น
5. การรักษาแบบประคับประคอง

การป้องกัน

1. เลิกสูบบุหรี่
2. หลีกเลี่ยงการได้รับมลพิษในสิ่งแวดล้อม
3. รับประทานผัก ผลไม้ให้มากขึ้น และอาหารที่มี วิตามินซี วิตามินอี รวมทั้งเซเลเนียม เช่น ข้าวซ้อมมือ รำข้าว  และออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอด
4. การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การดื่มสุราอาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดได้



ขอบคุณข้อมูลจาก thailabonline.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์