เตือนภัย : ซื้อของเมื่อไหร่อย่าลืมดูบาร์โค้ด

ภาพประกอบอินเตอร์เน็ตภาพประกอบอินเตอร์เน็ต




...
แน่นอนอยู่แล้วว่าในชีวิตประจำวันของเรา ย่อมจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับ "ร้านสะดวกซื้อ" หรือ "ซุปเปอร์มาร์เก็ต" บ้างไม่มากก็น้อย (ถึงแม้ว่าบางคนจะยังคงเดินตลาดอยู่ก็ตามเถอะ) เพราะข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านส่วนใหญ่เมื่อมีอะไรขาดพร่องไปก็มักจะต้องไปจับจ่ายกันตาม "ร้านสะดวกซื้อ" หรือ "ซุปเปอร์มาร์เก็ต" ชั้นนำอยู่เสมอ

     แล้วเวลาน้องๆ ไปซื้อของนั้น อะไรเป็นสิ่งแรกที่เพื่อน ๆ จะสังเกตเมื่อเราเจอสินค้าที่เราต้องการแล้ว ... ใช่แล้วล่ะ ก็ "ราคา" ยังไงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ต้องมีป้ายราคาบอกไว้ทั้งนั้น โดยเฉพาะใน "ร้านสะดวกซื้อ" หรือ "ซุปเปอร์มาร์เก็ต" นั้นจะมี "บาร์โค้ด" ซึ่งเป็นรหัสของสินค้านั้นๆติดไว้

     เราซึ่งเป็นผู้บริโภคมีหน้าที่ดูบาร์โค้ดนั้นว่ามีรหัสอะไรและก็ไปตรวจเช็คที่ชั้นวางสินค้าประเภทนั้นว่าสินค้านั้นมีราคาเท่าไหร่ ... นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทราบกันใช่รึเปล่า???

     แต่ที่จริงแล้วถ้าเพื่อน ๆ สังเกตให้ดี เราจะเห็นว่าสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ตาม "ร้านสะดวกซื้อ" หรือ "ซุปเปอร์มาร์เก็ต" ชั้นนำในปัจจุบันส่วนใหญ่มักจะมีราคาลงท้ายด้วย .75 สตางค์ .50สตางค์ หรือ .25 สตางค์ ก็ตาม บางครั้งเราลืมที่จะสังเกตเศษสตางค์พวกนี้ไป เลยทำให้นี่เป็นช่องว่างหนึ่งของ "ร้านสะดวกซื้อ" หรือ "ซุปเปอร์มาร์เก็ต" หลายราย ที่ฉกฉวยเอาช่องว่างตรงนี้เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างเราโดยการคิดราคาเป็นเลขเต็มหลัก เช่น สินค้าราคา 55.25 บาท พอเราก็จะต้องจ่าย 56.00 บาท ... กรณีนี้ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ซื้อสินค้าในปริมาณมากๆ จึงทำให้บางครั้งลืมที่จะสนใจเรื่องพวกนี้ไป

     หลายคนอาจจะบอกว่า ก็แค่เศษสตางค์ ไม่เห็นต้องไปซีเรียสอะไรมากมาย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา แต่เพื่อน ๆ ลองคิดดูให้ดี ๆ สิว่าในแต่ละวันมีผู้คนเข้าไปจับจ่ายใช้สอยสินค้าใน "ร้านสะดวกซื้อ" หรือ "ซุปเปอร์มาร์เก็ต" วันละกี่คน... แล้วถ้าผู้ประกอบการทำพฤติกรรมเช่นนี้กับลูกค้าทุกคน คนละเล็กคนละน้อย ในหนึ่งวันเค้าจะได้ผลประโยชน์จากตรงนี้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่??? ... ลองไปคิดดูนะ


     กรณีนี้เคยเกิดขึ้นจริงแล้วกับผู้ซื้อหลายราย (ต้องบอกก่อนนะคะว่าบางครั้งในกรณีเดียวกันนี้ผู้ประกอบการเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบผู้ซื้อ แต่เกิดความผิดพลาดในเรื่องของบาร์โค้ดซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้) แต่ส่วนใหญ่มักไม่ได้ทำการร้องเรียนใดๆ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หากร้องเรียนไปก็จะเสียเวลาเปล่า แต่จริงๆ แล้วไม่อยากให้เพื่อน ๆ มองข้ามการเอารัดเอาเปรียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เพราะหากเรามองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไป ผู้ประกอบการที่จ้องจะเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคก็จะได้ใจและใช้ช่องว่างตรงนี้ฉกฉวยผลประโยชน์ต่อไป


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์