เซ็กส์...ถึงตาย !

เซ็กส์...ถึงตาย !


เห็นหัวข้อแล้วคงทำให้หลายๆ คนนึกหวาดเสียวไปตามๆ กัน มันจะเป็นไปได้ขนาดนั้นเลยหรือ เซ็กส์อะไรกันทำให้คนตายได้ คุณผู้อ่านคงกำลังนึกถึง “การข่มขืนแล้วฆ่า” หรืออาจนึกไปถึง “เซ็กส์วิปริต หรือกามวิปริต (Paraphilia)”

นึกภาพว่าตรงหน้ามีอุปกรณ์หลากชนิดประกอบการมีเพศสัมพันธ์ แล้วอุปกรณ์เหล่านี้เองที่ปลิดชีวิต บางคนอคิดว่าเพราะ “อกหัก” จึงตัดสินใจจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า หรืออาจเป็นเพราะ “พิษรักแรงหึง” ทำให้เผลอระบายความแค้นรุนแรงไปหน่อย แต่วันนี้เซ็กส์ที่เราพูดถึงนั้นเป็นเซ็กส์แบบที่ไม่ได้ทำให้เราตายโดยตรง แต่เป็นเซ็กส์ชนิดที่เมื่อเป็นแล้วคนที่เป็นกลับชอบด้วยซ้ำไป โดยไม่รู้ตัวว่านั่นเป็นอาการป่วย กว่าจะรู้ตัวชีวิตก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว แถมบางครั้งก็โดนคนในสังคมรังเกียจด้วยซ้ำไป น่าสนแล้วใช่ไหมครับ...



     เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถ้าใครอ่านพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ก็คงจะได้เห็นเซ็กส์ที่พาให้หนุ่มใหญ่นายหนึ่งต้องจบชีวิตลงอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วคนที่ทำให้เขาต้องจบชีวิตลงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กลับเป็นภรรยาสุดที่รักของเขานั่นเอง โดยหลังเกิดเหตุแล้วแม้ว่าภรรยาจะอยู่ในอาการโศกเศร้าเพียงใด แต่ก็ไม่ลืมที่จะไปแจ้งความถึงการตายของสามี โดยตัวเธอเองนั่งเฝ้าศพสามีไม่หนีหายไปไหน นั่งร้องไห้รอให้ตำรวจนำตัวไปดำเนินคดี รายละเอียดของข่าวก็มีอยู่ว่า หนุ่มใหญ่อายุ 52 ปีรายนี้อยู่กับภรรยาอายุ 42 ปี โดยฝ่ายสามีนั้นเป็นคนชอบดื่มสุรา และมีอารมณ์ทางเพศสูงมาก ทุกคืนจะต้องขอร่วมเพศ 5-6 ครั้ง และแต่ละครั้งก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาทีจึงจะสำเร็จความใคร่ ในวันเกิดเหตุสามีหนุ่มใหญ่นั้นอยู่ในอาการมึนเมา และขอร่วมเพศกับภรรยาแต่ภรรยาไม่ยอม ฝ่ายสามีไม่พอใจจึงใช้ความรุนแรงเพื่อจะมีเพศสัมพันธ์ ภรรยาเลยสู้และพลั้งมือบีบคอสามีเสียชีวิตในที่สุด นั่นคือรายละเอียดเท่าที่ข่าวได้ให้ไว้ครับ

     เป็นไงบ้างครับความตายที่มากับเซ็กส์ นี่เป็นหนึ่งตัวอย่างของความไม่สมดุลทางเพศระหว่างคู่สามีภรรยาที่เกิดขึ้นจากความต้องการทางเพศที่ไม่เท่ากัน จนนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ดูตามรูปการณ์ของตัวสามีเองแล้ว ทางการแพทย์เรียกภาวะเช่นนี้ว่า “Hypersexual” หรือการที่มีความต้องการทางเพศที่มากมายเกินกว่าที่คนปกติต้องการ เรียกกันง่ายๆ ว่า “หมกมุ่นทางเพศ” ก็ได้เหมือนกัน ผมจะอธิบายตามเกณฑ์การวินิจฉัยที่มีผู้เสนอไว้ดังนี้

     Stein และคณะ ได้เสนอเกณฑ์การวินิจฉัย Hypersexual ไว้ดังนี้

     
มีการคงอยู่ของการกระตุ้นทางเพศ การจินตนาการทางเพศ อย่างซ้ำๆ และรุนแรง หรือมีพฤติกรรมทางเพศที่เจ้าตัวยืนกรานที่จะทำ อยู่ในช่วงตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และไม่ได้จัดเข้ากับกลุ่มกามวิปริต (Paraphilia) ในเนื้อข่าวไม่ได้บอกว่า ตัวสามีเองมีอารมณ์ทางเพศมากมายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็เป็นการกระทำซ้ำๆ สม่ำเสมอและจำนวนมาก (5-6 ครั้งต่อคืน) แต่ถึงกระนั้นการกระทำแบบนี้ก็ยังไม่ได้จัดเป็นพวกกามวิปริต (เช่น ถ้ำมอง ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ฯลฯ)

     
จินตนาการ การกระตุ้นทางเพศนั้น ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก หรือทำให้การเข้าสังคม การทำงาน หรือสิ่งสำคัญในชีวิตอื่นๆ เสียหาย

     ข้อนี้ตามเนื้อข่าวไม่ได้บอกว่าฝ่ายสามีทุกข์ทรมานหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ความสัมพันธ์กับภรรยาก็คงไม่ค่อยจะดีซักเท่าไร เพราะความต้องการทางเพศที่ไม่เท่ากัน

     
อาการที่เกิดขึ้นไม่เข้ากับเกณฑ์ความผิดปกติใน Axis I (เช่น ช่วงภาวะเพ้อคลั่ง (mania) อาการหลงผิด หรือหลงผิดคิดว่าคนอื่นมาชอบ)

       ตามเนื้อข่าวก็ไม่ได้กล่าวถึงอาการป่วยทางจิต จำพวกอาการหลงผิด หรืออะไรทั้งนั้น

     
อาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นผลโดยตรงทางร่างกายที้เกิดจากการติดสารเสพติด (เช่น การใช้ยาผิดวิธี หรือการรักษา) หรือได้รับการรักษา เช่น การกินยาที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศมากกว่าปกติ

      แต่กรณีนี้อาจเป็นไปได้ว่าอาการ Hypersexual ที่เกิดขึ้นมาจากการดื่มสุราแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศอย่างมาก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะไม่ถือว่านี่คือ Hypersexual ของจริง แต่ในรายนี้น่าจะเป็นของจริง เพราะต้องมีเพศสัมพันธ์ทุกวัน ซึ่งโดยปกติแล้วอาการ Hypersexual ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเองจะมีความรุนแรงและคงทนยาวนานกว่าการเกิดจากยาหรือสารเคมีอื่นๆ

      สรุปแล้วเมื่อเทียบเนื้อหาจากข่าวกับเกณฑ์การวินิจฉัยที่ให้ไว้ข้างต้น ก็คงพอจะบอกได้ว่าสามีหนุ่มใหญ่รายนี้น่าจะเข้าข่ายเป็น Hypersexual แต่ก็ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมในอีกหลายประเด็นเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ที่นี้ลองมาดูกันสิว่าเราจะสังเกตได้อย่างไรว่าเราหรือคนใกล้ชิดเข้าข่ายที่จะเป็น Hypersexual หรือเปล่า ก็ได้มีการพยายามที่บรรยายถึงลักษณะ หรือการกระทำที่เข้าข่ายไว้พอสังเขปดังนี้
Kafka ได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับ Hypersexual ไว้ 6 ข้อดังนี้

     1. Compulsive Masturbation (การช่วยตัวเองซ้ำ ๆ บ่อย ๆ) โดยทั่วไปแล้วการช่วยตัวเองถือเป็นพื้นฐานของการระบายออกถึงความต้องการทางเพศ ทั้งคนโสดและผู้ที่แต่งงานแล้ว ไม่มีข้อห้ามในการช่วยตัวเอง แต่ผู้ที่ถือว่าเป็น Hypersexual นั้นมีการช่วยเหลือตัวเองมากเป็นพิเศษ จนบางครั้งเรียกได้ว่าหมกมุ่นเกี่ยวกับการช่วยตัวเอง ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าบ่อยๆ จนแทบจะเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้

     2. Protracted Promiscuity (สำส่อนทางเพศ) อันนี้ตรงไปตรงมานะครับ เป็นพฤติกรรมจำพวกเพศสัมพันธ์ข้ามคืน การซื้อบริการทางเพศ การไปเสาะหาคู่นอนตามที่สาธารณะต่างๆ เช่น สวนสาธารณะ เป็นต้น การมีคู่นอนหลายคนอาจเป็นแบบครั้งเดียวจบ หรือคบกันเพื่อการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น หรืออาจจะใช้บริการเพื่อนเที่ยวก็ได้

     3. Pornography Dependence (การพึ่งพาสิ่งลามกต่างๆ) ในการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เช่น รูปโป๊ หนังโป๊ตลอดเวลา

     4. Telephone Sex Dependence (เซ็กส์โฟน) ใช้โทรศัพท์ในการพูดคุยเรื่องเพศสัมพันธ์ โดยการคุยนี้จะทุ่มเททั้งเวลา และค่าใช้จ่ายในการโทรศัพท์ไปเพื่อการเซ็กส์โฟนอย่างเดียว

     5. Cyber Sex กลุ่มนี้จะให้ความสนใจและพยายามมีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในการพูดคุยผ่านอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องเพศ (Chat room) หรือการอ่านคำตอบข้อความในกระทู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ หรืออาจตั้งกระทู้เอง ตั้งใจใส่ใจตอบ reply ในกระทู้ต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็เพื่อการดึงดูดและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศทั้งสิ้น

     6. ความไม่สอดคล้องกันของความปรารถนาทางเพศอย่างรุนแรง ในผู้ที่มีปัญหาจาก Hypersexual ข้อหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาระหว่างคู่สามีภรรยาคือ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความต้องการทางเพศมากกว่าอีกฝ่าย และมักจะลงเอยด้วยการเลิกรากันไป ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบความสัมพันธ์ของชีวิตคู่เป็นอย่างยิ่ง


      
คนที่เกิด Hypersexual ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้ตัวและไม่รู้สึกว่านี่คือปัญหาครับ เกิดอารมณ์ก็แค่หาทางระบายออกเท่านั้นเอง ดังนั้นโอกาสที่จะมารับการวินิจฉัยรักษาก็เลยเป็นเรื่องที่ห่างไกล ที่จริงแล้วคนใกล้ชิดสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ว่าเขาหรือเธอเป็น Hypersexual หรือไม่ นอกเหนือจากเกณฑ์การวินิจฉัยข้างต้น แล้วควรจะสังเกตด้วยว่าเขาหรือเธอมีความเปลี่ยนแปลงไปในเรื่องความคิด อารมณ์ พฤติกรรมทางเพศหรือไม่ เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนหน้านั้นเกิดเหตุการณ์สำคัญอะไรในชีวิตบ้าง เช่น เกิดอุบัติเหตุซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดความผิดปกตินี้ได้ ลองนำไปสังเกตดูนะครับ แล้วอาจจะปรึกษากับจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือผู้ให้คำปรึกษาปัญหาทางเพศก็ได้ เพื่อปัญหาจะได้ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปครับ

กฤตยกร แสงขาว นักจิตวิทยา


healthtoday

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์