มาเติม “คำหวาน” ให้คนที่บ้านกันเถอะ

มาเติม “คำหวาน” ให้คนที่บ้านกันเถอะ


ใครๆก็รู้เนอะว่า “อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย” ยิ่งถ้อยคำหวานที่มาจากความปรารถนาดีและจริงใจด้วยแล้วล่ะก็ สร้างเสริม สุขภาพจิต ความสุข และความสามัคคีให้กับทั้งผู้พูดและผู้ฟังดีนักเชียว


                ซึ่งส่วนมากกับคนนอกบ้านเราก็คงจะใช้ปิยวาจาอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่กับคนในครอบครัวเดียวกัน ปิยวาจาอาจจะตกหล่นไปบ้างด้วยความคุ้นเคย หรือความเขินอายก็ตามที ทั้งที่จริงคนในครอบครัวนี่แหละค่ะที่เราควรจะต้องพูดดีทำดีกับเขาให้มากที่สุด เพราะเขาจะเป็นคนที่คอยให้กำลังใจ และเกื้อหนุนเราในยามที่ทดท้อหรือผิดหวัง และเขาก็คงหวังที่จะได้รับจากเราเช่นกัน แต่หากยังไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นเติมคำหวานให้กับคนที่บ้านอย่างไรดี จะลองใช้ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นแนวทางก็ได้ค่ะ

  • ใช้ถ้อยคำที่สุภาพ แทนคำพูดห้วนๆ ประชดประชัน เช่น “อย่ากลับดึกนักนะลูก แม่เป็นห่วง” แทนว่า “หอบเสื้อผ้าไปนอนบ้านเพื่อนเสียเลยสิ”
  • พูดให้กำลังใจแก่กัน เมื่อสมาชิกในบ้านเกิดท้อแท้ หรือหวั่นไหวในชีวิต ในหน้าที่การงานหรือการเรียน เช่น “คุณทำหน้าที่ของคุณดีที่สุดแล้ว อย่ากังวลไปเลย” หรือ “พ่อเข้าใจว่าลูกไม่สบายใจ แต่เราเริ่มใหม่ได้นี่ลูก”
  • พูดชมเชยซึ่งกันและกัน เช่น “คุณทำผมทรงนี้ทำให้ดูสดใสขึ้นมากเลยนะ” หรือ “ฝีมือทอดไข่ของแม่เนี่ยไม่มีใครเทียบเลยครับ”
  • พูดหยอกล้อกระเซ้าเย้าแหย่ สร้างอารมณ์ขันกันบ้าง บรรยากาศในครอบครัวจะได้เป็นกันเองและอบอุ่น
  • พูดคำว่า “ขอบคุณครับ(ค่ะ)” เมื่อได้รับการช่วยเหลือ ได้รับสิ่งของหรือได้รับคำชมเชย มีคำว่า “ขอโทษค่ะ(ครับ)” ติดปากไว้เสมอเมื่อไปล่วงเกินหรือทำผิดต่อใคร ยิ่งคนกันเองยิ่งต้องถนอมจิตใจไว้นะคะ ลองปฏิบัติดูสิคะแล้วคุณจะประหลาดใจที่ครอบครัวของคุณมีความรัก ความสุข และความอบอุ่นเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าทีเดียว

นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 97

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์